เมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ภายหลังการดำเนินงานในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา กรมป่าไม้ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและแนวทางการปฏิบัติเป็น 8 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตามโครงการพระราชดำริ และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติที่กรมป่าไม้ได้ดูแลรวม 92 โครงการ ครอบคลุม 39 จังหวัด 2.กรมป่าไม้ได้จัดตั้งศูนย์จัดการกลุ่มป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อบริหารจัดการในรูปแบบเชิงพื้นที่ตั้งแต่ระดับตำบล อำเภอ และจัดหวัด โดยหน้าที่หลักของศูนย์ฯ จะเป็นผู้รวบรวมข้อมูลในทุกด้าน และสนับสนุนการจัดการที่ดินทำกินให้กับชุมชน และหมู่บ้านป่าไม้แผนใหม่ เพื่อบริการให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึง อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า 3.การปฏิบัติงานภายใต้แผนปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่ หรือAO (Area of Operation) โดยชุดเฉพาะกิจหน่วยพยัคฆ์ไพร สามารถจับกุมผู้กระทำผิดในการบุกรุกพื้นที่ป่า 2,683 คดี ผู้ต้องหา 621 ราย พื้นที่บุกรุกทำลายป่า 123,762.21 ไร่ โดยในพื้นที่AO1 ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 20,000 ไร่ ดำเนินการแล้ว 13,853.63ไร่ พื้นที่AO2 ตั้งเป้าหมาย 30,000 ไร่ ดำเนินการแล้ว 24,872.93 ไร่ พื้นที่AO3 ตั้งเป้าหมาย 505,000 ไร่ ดำเนินการแล้ว 123,762.21 ไร่ และพื้นที่AO4 มีพื้นที่ 33,210,000 ไร่ ขณะที่ผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการรื้อถอนสวนยางพาราที่บุกรุกพื้นที่ป่า ในปี 2558 ตั้งเป้าหมาย 400,000 ไร่ ได้ดำเนินการไปแล้วร้อยละ 13.45 คงเหลือ346,195.59 ไร่ อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ 4.การจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชน โดยกรมป่าไม้ได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายใน 6 พื้นที่ 4 จังหวัด เนื้อที่ 53,697 ไร่ และโครงการต่อเนื่องระยะที่ 2 จำนวน 8 พื้นที่ใน 8 จังหวัด เนื้อที่ 51,929 ไร่ และพื้นที่ ส.ป.ก. 4 พื้นที่ 4 จังหวัด เนื้อที่ 5,587 ไร่ โดยในระยะแรกได้ดำเนินการโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ ต.แม่ทา อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 7,282 ไร่ ซึ่งจะมีประชาชนได้รับประโยชน์ 1,235 ครอบครัว โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นสักขีพยานในการมอบหนังสืออนุญาตฯ ครั้งที่ 2 ได้มอบหนังสืออนุญาตฯ ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าท่าธาร อ.จอมทอง เนื้อที่ 5,492 ไร่ และป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ตาลและป่าแม่ยุย อ.ฮอด เนื้อที่ 2,434 ไร่ ที่จ.เชียงราย และจะได้เร่งดำเนินการในพื้นที่ต่อไปตามลำดับ นายธีรภัทร กล่าวว่า 5.การจัดการป่าชุมชน ได้เร่งดำเนินการจัดตั้งป่าชุมชน โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2543 ถึงปัจจุบัน กรมป่าไม้ได้อนุมัติให้จัดตั้งป่าชุมชนไปแล้วทั้งสิ้น 9,415 หมู่บ้าน รวมพื้นที่ป่าชุมชน 3,993,341 ล้านไร่ โดยแบ่งเป็นภาคเหนือ 2,994 หมู่บ้าน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4,546 หมู่บ้าน ภาคกลาง1,112 หมู่บ้าน และภาคใต้ 763 หมู่บ้าน พร้อมทั้งมีการจัดตั้งโครงการป่าชุมชนบ้านใหม่ จำนวน 413 หมู่บ้าน เนื้อที่ 280,329 ไร่ ในรอบ 1 ปี นอกจากนี้ได้ส่งเสริมและพัฒนาป่าพื้นบ้านธนาคารอาหารป่าชุมชนอีก 290 หมู่บ้าน รวมพื้นที่ป่าชุมชน 192,220 ไร่ ประเด็นที่ 6.การส่งเสริมการปลูกไม้พะยูงและไม้มีค่า โดยเร่งเพาะชำกล้าไม้เพื่อแจกจ่ายให้กับประชาชนที่สนใจ ได้มาขอรับกล้าไม้ชนิดต่างๆ นำไปปลูกเพื่อเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยเพาะชำกล้าไม้ในปีงบประมาณ 2558 มีพะยูงกว่า 12 ล้านกล้า ไม้สักกว่า 4 ล้านกล้า ไผ่กว่า 2 ล้านกล้า และชนิดไม้อื่นๆอีกกว่า 22 ล้านกล้า รวมทั้งหมด 45.2 ล้านกล้า อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า 7.การวิจัยป่าไม้เพื่อการอนุรักษ์และเพิ่มมูลค่า การดำเนินการงานวิจัยด้านไม้พะยูง ได้มีการสำรวจและเก็บรักษาพันธุ์ไม้พะยูงธรรมชาติ ซึ่งกำลังถูกคุกคาม พร้อมทั้งปรับปรุงแหล่งผลิตเมล็ดไม้พะยูง สร้างแหล่งผลิตเมล็ดไม้พะยูงพันธุ์ดี สร้างสวนกิ่งพันธุ์ไม้พะยูง และสร้างงานวิจัยและแปลงวิจัยด้านการปรับปรุงพันธุ์ไม้พะยูง และประเด็นสุดท้ายโครงการครูป่าไม้ กรมป่าไม้ได้ขับเคลื่อนโครงการจำนวน 5 ศูนย์ ในพื้นที่จ.เชียงใหม่ ตาก ยโสธร ประจวบคีรีขันธ์ และสงขลา โดยมอบหน้าให้ระดับหัวหน้าป่าไม้ประสานจัดการเรียนการสอนร่วมกับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และโรงเรียนโดยรอบพื้นที่ป่า เพื่อขยายผลสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนและเยาวชนให้ช่วยกันดูแลทรัพยากรป่า
"จากผลงานในรอบ 1 ปี ที่ผ่านมากรมป่าไม้ได้ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือนร้อนของประชาชน และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อลดปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาด้านป่าไม้ ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสภาวะสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน" อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว