ระบุอุตสาหกรรมไทยต้องยกระดับ “ผลิตภาพ” ทั้งด้าน แรงงาน เทคโนโลยี นวัตกรรม แก้ไขจุดอ่อนประเทศ

อังคาร ๒๘ กรกฎาคม ๒๐๑๕ ๑๐:๔๐
สศอ. ชี้ภาพรวมโครงสร้างอุตสาหกรรมไทยยังมีจุดอ่อนด้านผลิตภาพจากสาเหตุหลายประการ ทั้งผลิตภาพแรงงาน โครงสร้างทางเทคโนโลยี และนวัตกรรม จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการเพิ่มผลิตภาพทุกภาคส่วน เร่งจัดทำแผนแม่บทประสิทธิภาพและผลิตภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ปี 2559-2564 หวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อความยั่งยืนที่แท้จริง

นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาโครงสร้างสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกของไทยได้แปรเปลี่ยนไปเป็นสินค้าประเภทที่ใช้ความรู้และเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมากกว่าสินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้นทำให้ไทยประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือโดยเฉพาะวิศวกรและ นักวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีก เช่น การขาดแคลนวัตถุดิบและการเพิ่มขีดความสามารถทางเทคโนโลยีส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยเริ่มลดลง

แม้ว่าประเทศไทยยังคงมีรากฐานทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งแต่กระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็วทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการปรับตัวของโครงสร้างสินค้าส่งออกไปสู่สินค้าที่ใช้เทคโนโลยีของไทยยังมีความล่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับแรงกดดันจากหลายทิศทาง ประเทศไทยจึงต้องมีการปรับตัวด้านการเพิ่มผลิตภาพภาคอุตสาหกรรมมาโดยตลอด

แต่อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมจะมีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี โดยในช่วงปี พ.ศ. 2525-2548 มีอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 8.13 แต่ปัจจัยทางด้านผลิตภาพการผลิต ซึ่งดูจากค่า TFP (Total Factor Productivity) นั้นสามารถสนับสนุนการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมได้เพียงร้อยละ 0.57 นอกจากนี้จากการ จัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของไทย โดยสถาบันการจัดการนานาชาติ IMD ปี พ.ศ. 2548 พบว่า ประเทศไทยมีจุดอ่อนที่สำคัญ 2 ประการคือ ผลิตภาพแรงงานและประสิทธิภาพของ SMEs ปัจจัยทั้งสองตัวนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภาพและการเจริญเติบโตของประเทศในระยะยาว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมยังมีจุดอ่อน ในด้านคุณภาพและโครงสร้างหลายประการทั้งด้านการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน การสนับสนุนโครงสร้างทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

สถานภาพผลิตภาพของประเทศไทยในปัจจุบันจากการศึกษาของ IMD ปี พ.ศ. 2558 อันดับผลิตภาพของประเทศไทย ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดีนัก โดยอันดับผลิตภาพของไทยโดยรวมอยู่ในอันดับที่ 55 จาก 61 ประเทศ และผลิตภาพอุตสาหกรรมอยู่ในอันดับที่ 51 นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงความสามารถในหมวดโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอยู่ในลำดับที่ 44 และด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์อยู่ในลำดับที่ 47 ประกอบกับการมีปัจจัยและความท้าทายใหม่ๆ ที่ประเทศไทยและภาคอุตสาหกรรมต้องเผชิญ อาทิ สังคมผู้สูงอายุ การพัฒนาเข้าสู่สังคมเมือง การเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อม เป็นต้น

นอกจากนั้น ยังพบว่าแนวโน้มของระบบเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน กำลังจะกลายเป็นระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม เป็นระบบที่มีการผลิตและให้บริการที่เน้นการคิดค้นสินค้าและบริการใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยระดับโลก การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้มีความจำเป็นต้องมีแนวทางในการรองรับแนวโน้มดังกล่าว และการเพิ่มผลิตภาพของประเทศ ยังคงเป็นทางออกที่สำคัญในสถานการณ์ปัจจุบันและอนาคต

การเพิ่มผลิตภาพยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างแท้จริงที่ยั่งยืนอีกด้วย ใน ขณะที่ ขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากความได้เปรียบด้านอื่นๆ เช่น ความได้เปรียบทางภาษี ความได้เปรียบด้านค่าจ้างแรงงานต่ำ ความได้เปรียบจากข้อตกลงทางการค้าต่างๆ จะไม่มีความยั่งยืนเช่นเดียวกับผลิตภาพการผลิต กระทรวงอุตสาหกรรมจึงมีแนวคิดที่จะเพิ่มผลิตภาพการผลิตภาคอุตสาหกรรมด้วยการจัดทำแผนแม่บทการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรม พ.ศ. 2559-2564 เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและผลิตภาพในภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในเศรษฐกิจโลก โดยยึด 3 ปัจจัยหลักคือ เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

โดยในแผนฯ มีเป้าประสงค์ของแผนแม่บท 4 ประการ คือ 1) ผลิตภาพรวม (TPE) มีอัตราการเติบโต ร้อยละ 3 ต่อปี 2) ผลิตภาพแรงงานมีอัตราการเติบโตร้อยละ 5 ต่อปี 3) มีระดับความสำเร็จของกลุ่มเครือข่าย 4) อัตราความพึงพอใจเฉลี่ยต่อบริการภาครัฐมากว่าร้อยละ 80 ซึ่งขณะนี้ร่างแผนแม่บทฯ ดังกล่าวคณะกรรมการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ (กอช.) ได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบในหลักการแล้ว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๑ ALLY ผนึก Mural ลงทุนซื้อหุ้นสมาคมมวยปล้ำสเปน หวังผลักดันมวยปล้ำสเปนขึ้นแท่นลีกหลักในยุโรปและลาตินอเมริกา
๑๖:๓๙ โอกาสจองซื้อหุ้นกู้บริษัทชั้นนำ ช.การช่าง เสนอขายช่วงวันที่ 25 - 29 เมษายน 2567 ชูผลตอบแทน 3.40 - 4.10% ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือ A- ติดต่อผ่าน ธ.กรุงเทพ และ ธ.กรุงไทย
๑๖:๕๔ บางจากฯ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาเยาวชนในทักษะแห่งอนาคต ผ่านโครงการ SI Sphere: Sustainable Intelligence-based Society Sphere โดย UN Global Compact Network
๑๕:๑๓ เปิดไลน์อัพ 10 ศิลปินหน้าใหม่มาแรงแห่งปีจาก Spotify RADAR Thailand 2024
๑๕:๐๘ อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้ากลยุทธ์ Star Commerce ยกทัพศิลปิน-ดารา เป็นเจ้าของแบรนด์ และดันยอดขายด้วย Affiliate Marketing ประเดิมส่งศิลปินตัวแม่ ใบเตย อาร์สยาม
๑๕:๒๐ กสิกรไทยผนึกกำลังเจพีมอร์แกน เปิดตัวโปรเจกต์คารินา ดึงศักยภาพบล็อกเชน ลดระยะเวลาธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ
๑๕:๐๖ สเก็ตเชอร์ส จัดกิจกรรม SKECHERS PICKLEBALL WORKSHOP ส่งเสริมสุขภาพและขยายคอมมูนิตี้กีฬา Pickleball ในไทย
๑๕:๕๖ SHIELD จับมือแอสเซนด์ มันนี่ และ Money20/20 Asia จัดกิจกรรมระดมเงินบริจาคแก่มูลนิธิรามาธิบดี
๑๕:๔๓ 'ASW' เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ 4 คอนโดฯ ใหม่ ไตรมาส 2 ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ตมูลค่ารวมกว่า 6,600 ล้านบาท
๑๕:๔๑ โก โฮลเซลล์ สนับสนุนเกษตรกรไทย ปูพรมจำหน่ายผลไม้ฤดูกาล สดจากสวนส่งตรงถึงมือคุณ