สรุปผลการแข่งขันเรสที่ 1 ขึ้นนำอยู่อันดับที่ 11 ทว่าเจออุบัติเหตุรถอีกคันพุ่งเข้ามาชนทำให้ต้องออกจากการแข่งไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนเรสที่ 2 จบอันดับที่ 17 ยังคงไม่มีคะแนนสะสมเพิ่มจาก สปาร์ ฟรองคอฌองส์
เรสที่ 1 – แซนดี้ออกสตาร์ทจากกริดสตาร์ทที่ 23 เนื่องจากสนามสปาร์ ฟรองคอฌองส์ถือเป็นสนามในตำนานที่มีความยาก มีความหลากหลาย ทั้งโค้งหักศอก โค้งแบบชิเคน มีเส้นทางตรงยาว ทั้งขึ้นเขา และลงเขาในสนามเดียวกัน ถือเป็นสนามปราบเซียน สำหรับนักขับแทบทุกคน เริ่มออกสตาร์ทไปไม่นาน ก็มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง แซนดี้ประคองไต่ขึ้นมาเรื่อยๆจนกระทั่งอยู่อันดับที่ 11 ในระหว่างที่เป็นช่วงของเซฟตี้คาร์นั้นเอง มาธีโอ ทัชเชอร์ (Matheo Tuscher) นักขับชาวสวิส เร่งความเร็วเกินควบคุมได้ รถหมุนเหวี่ยงมาชนด้านข้างรถของแซนดี้ ล้อรถแซนดี้พัง ทำให้ต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย เพราะหากติด 1 ใน 10 ก็จะทำให้มีคะแนนสะสมเพิ่มขึ้น ทว่าโชคไม่ดีต้องออกจากการแข่งขันไปเสียก่อน สิ้นสุดการแข่งขัน อันดับ 1 -2 -3 เป็นของ เอสเทอบาน โอคอน (Esteban Ocon) อีมิล เบิร์นสตอฟ (Emil Bernstorff) และมาร์วิน เคิร์ชฮอฟเฟอร์ (Marvin Kirchhofer) ตามลำดับ
เรสที่ 2 - เริ่มขึ้นในเช้าวันอาทิตย์ แซนดี้ออกสตาร์ทจากอันดับที่ 16 ก็ยังคงมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกเช่นเคย ครั้งนี้แซนดี้ทำได้ดีที่สุดแค่ประคองไม่ให้เป็นส่วนหนึ่งของอุบัติเหตุไปด้วย กรรมการตีธงสิ้นสุดการแข่งขันจบที่อันดับที่ 17 อันดับ 1 เป็นของ ลูก้า จิออตโต้ (Luca Ghiotto) อันดับ 2 และ 3 เป็นของ เอสเทอบาน โอคอน (Esteban Ocon) และ อัลฟอนโซ เซลิส จูเนียร์ (Alfonso Celis JR) ตามลำดับ
แซนดี้กล่าวถึงผลงานที่ผ่านมาว่า “เสียดายที่เรสที่ 1 กำลังอยู่อันดับที่ 11 ถูกชนเสียก่อน ไม่อย่างนั้นจะมีคะแนนสะสมเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างแน่นอน แต่เป็นอะไรที่ประมาทไม่ได้ เพราะสนามสปาร์ถือว่ายากมาก นักขับหลายคนยังคงควบคุมรถไม่ค่อยดีมาก จึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นง่ายมาก จากอุบัติเหตุในเรสแรก มันก็ทำให้ผมระมัดระวังเป็นอย่างมากในเรสที่ 2 ส่วนสนามถัดไป สนามที่ 6 จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 กันยานนี้ ที่มอนซ่าเซอร์กิต ประเทศอิตาลี ผมก็จะพยายามพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้มีคะแนนสะสมอยู่ 6 คะแนน หวังที่จะเก็บคะแนนเพิ่มขึ้นให้ได้”