ดังนั้น ในปี 2558 นี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมวิชาการเกษตร จึงได้บูรณาการร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการข้าว และสหกรณ์การเกษตรที่มีศักยภาพ เร่งพัฒนาและสร้างเครือข่ายการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่วพันธุ์ดี เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์และเพิ่มปริมาณเมล็ดพันธุ์ดีให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการนำเข้าเมล็ดพันธุ์จากต่างประเทศได้ ขณะเดียวกันยังช่วย ขยายพื้นที่เพาะปลูกพืชตระกูลถั่วภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งยังช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชตระกูลถั่วให้เกษตรกร ที่สำคัญยังเป็นการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางเมล็ดพันธุ์ หรือ Seed Hub ในระดับสากล
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมวิชาการเกษตร จะผลิตเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่วชั้นพันธุ์ขยาย ส่งมอบให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการ แยกเป็นเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองจำนวน 600 ตัน เมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว 400 ตัน และเมล็ดพันธุ์ถั่วลิสง 300 ตัน เพื่อขยายพันธุ์ต่อเนื่องให้ได้เมล็ดพันธุ์ชั้นจำหน่าย นอกจากนั้น ยังเร่งถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่วที่ถูกต้องและเหมาะสมให้กับเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตร และเกษตรกรเครือข่าย รวมทั้งยังให้บริการตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์และออกใบรับรองให้ด้วย เบื้องต้นคาดว่าเกษตรกรจะสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองชั้นพันธุ์จำหน่ายได้ไม่น้อยกว่า 6,000 ตัน เมล็ดพันธุ์ถั่วเขียว 4,000 ตัน และเมล็ดพันธุ์ถั่วลิสงกว่า 3,000 ตัน ซึ่งเพียงพอต่อการใช้ภายในประเทศ และคาดว่าหากเกษตรกรใช้เมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่วคุณภาพดี จะทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 20 – 25 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่ต้องเพิ่มพื้นที่ปลูก