ศ.ดร.ศรีศักดิ์ กล่าวว่าข้อมูลทางประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,144 คนส่วนใหญ่เป็นเพศชายคิดเป็นร้อยละ 53.32 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 46.68 เป็นเพศหญิง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 19 ถึง 22 ปีคิดเป็นร้อยละ 38.46 ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 32.78 และร้อยละ 28.76 การศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่าและในระดับปริญญาตรีหรือสูงกว่าตามลำดับ สำหรับผลการวิจัยนี้เพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักและตระเตรียมแก้ปัญหาที่อาจจะมีขึ้นในอนาคต
ศ.ดร.ศรีศักดิ์ กล่าวต่อว่าในด้านพฤติกรรมการเล่นพนันฟุตบอลลีกของประเทศต่าง ๆ กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 53.15 ยอมรับว่าตนเองเคยเล่นพนันในการแข่งขันฟุตบอลลีกของประเทศต่าง ๆ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 46.85 ระบุว่าไม่เคย และในจำนวนกลุ่มตัวอย่างที่ยอมรับว่าเคยเล่นพนันฟุตบอลลีกประเทศต่าง ๆ นั้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 68.75 ยอมรับว่าตนเองเคยเล่นพนันในการแข่งขันฟุตบอลลีกประเทศต่าง ๆ มากกว่าหนึ่งครั้ง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 31.25 ระบุว่าเคยเล่นเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างประมาณสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 66.61 ระบุว่าตนเองเล่นพนันฟุตบอลครั้งแรกเนื่องจากมีผู้ชักชวนและให้ข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานที่เล่นและวิธีการเล่นพนัน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 33.39 ระบุว่าตนเองหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการ/สถานที่เล่นพนันฟุตบอลด้วยตนเอง ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างเกือบสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 73.19 ยอมรับว่าตนเองเสียเงินจากการเล่นฟุตบอลลีกต่างประเทศมากกว่าได้เงิน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 16.94 ระบุว่าได้รับพอ ๆ กับเสีย มีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 9.87 ที่ระบุว่าตนเองได้รับเงินมากกว่าเสีย
ในด้านความคิดเห็นต่อการเล่นพนันฟุตบอล กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 63.55 มีความคิดเห็นว่าการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลีกประเทศต่าง ๆ ที่มีมากขึ้นไม่ได้ส่งผลทำให้มีกลุ่มวัยรุ่นเล่นพนันฟุตบอลมากขึ้น ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 55.59 มีความคิดเห็นว่าการนำเสนอรายละเอียดข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับฟุตบอลลีกประเทศต่าง ๆ ที่มากขึ้น เช่น ตารางการแข่งขัน ตารางคะแนน การซื้อขายนักเตะ การสัมภาษณ์ต่าง ๆ ไม่มีส่วนกระตุ้นให้กลุ่มวัยรุ่นเล่นพนันฟุตบอลมากขึ้นเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างประมาณสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 66.08 มีความคิดเห็นว่าการนำเสนอบทวิเคราะห์วิจารณ์รวมไปถึงความน่าจะเป็นของผลการแข่งขันมีส่วนกระตุ้นให้วัยรุ่นอยากเล่นพนันฟุตบอลมากขึ้น
นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 71.68 มีความคิดเห็นว่าการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการสื่อสารที่มีความทันสมัยมากขึ้น เช่น ระบบอินเทอร์เน็ต ระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ ระบบโทรศัพท์สมาร์ตโฟน มีส่วนเพิ่มโอกาสให้กลุ่มวัยรุ่นเข้าถึงการเล่นพนันฟุตบอลได้ง่ายขึ้น ขณะที่กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 76.14 มีความคิดเห็นว่าการเปิดเว็ปไซต์พนันฟุตบอลออนไลน์มีส่วนทำให้กลุ่มวัยรุ่นเล่นพนันฟุตบอลกันมากขึ้น
นอกจากนั้นกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่แต่ไม่ถึงครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 48.25 มีความคิดเห็นว่าการเพิ่มโทษกับกลุ่มวัยรุ่นที่เล่นพนันฟุตบอลให้รุนแรงมากขึ้นจะมีส่วนช่วยลดจำนวนการเล่นพนันฟุตบอลของกลุ่มวัยรุ่นได้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 40.12 มีความคิดเห็นว่าไม่มีส่วน และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 11.63 ไม่แน่ใจ ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างประมาณสามในสี่หรือคิดเป็นร้อยละ 75.17 มีความคิดเห็นว่าหากมีการเปิดให้มีการเล่นพนันฟุตบอลอย่างถูกกฎหมายอาจทำให้เกิดปัญหาสังคม เช่น การติดการพนัน การจี้ปล้น/ชิงทรัพย์ การฆ่าตัวตาย เป็นต้นมากขึ้น ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 18.27 มีความคิดเห็นว่าไม่ทำให้เกิดปัญหาสังคมดังกล่าวมากขึ้น ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 6.56 ไม่แน่ใจ