พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า ตามที่ได้มอบนโยบายการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๘ ให้ส่วนราชการ ในสังกัดบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันไปสู่เป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรมภายใน ๑ ปี ทั้งนี้ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ได้ดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวภายใต้โครงการ "ตำบลเข้มแข็งไร้ความรุนแรง" โดยบูรณาการการปฏิบัติงาน และกำหนดเป้าหมายของโครงการร่วมกัน คือ การลดความรุนแรงในครอบครัว ซึ่งได้เปิดตัวโครงการไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพฯ โดยมีพื้นที่สมัครใจ เข้าร่วมโครงการ จำนวน ๑,๐๐๙ แห่งทั่วประเทศ การขับเคลื่อนโครงการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ปฏิบัติงาน การสร้างวิทยากรในพื้นที่ การสนับสนุนงบประมาณและความรู้ การส่งเสริมให้พื้นที่จัดกิจกรรมหรือโครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ เพื่อสร้างกระบวนการหรือกลไกในการป้องกัน และช่วยเหลือผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว รวมทั้งสร้างสัมพันธภาพของครอบครัวภายใต้องค์ความรู้และสื่อสร้างสรรค์ในรูปแบบของคู่มือวัคซีนครอบครัว โดยมีสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (สนง.พมจ.) เป็นกลไกการขับเคลื่อนในส่วนภูมิภาค
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อว่า การดำเนินงานโครงการดังกล่าวได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยมีผลการดำเนินงาน ดังนี้ ๑) พื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการสามารถดำเนินงานผ่านเกณฑ์ตำบลเข้มแข็งไร้ความรุนแรง จำนวน ๘๗๔ แห่ง หรือคิดเป็นร้อยละ ๘๖.๖๒ ของพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการ ๒) มีวิทยากรหรือเครือข่ายระดับพื้นที่ทั่วประเทศ (ครู ก และครู ข) จำนวน ๒,๗๙๗ คน เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนโครงการให้มีความต่อเนื่องในพื้นที่ ๓) โครงการ ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่ได้รับการคัดเลือกเป็นโครงการดีเด่นและชมเชย ระดับภาค ๔ ภาค รวมทั้งสิ้น ๑๒ โครงการ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน หรือการดำเนินงานช่วยเหลือเบื้องต้นแก่พื้นที่อื่นๆต่อไป และ ๔) มีข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและความรุนแรงในครอบครัว จำนวน ๗๗๓ พื้นที่ หรือร้อยละ ๗๖.๖๑ ของพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวจะมีการนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนและการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในพื้นที่ต่อไป นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวให้มีการขับเคลื่อนงานด้านสตรีและครอบครัวในพื้นที่ จนผ่านเกณฑ์การคัดเลือกเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดีเด่นด้านสตรีและครอบครัว ปี ๒๕๕๗ จำนวน ๑๓๔ พื้นที่
"กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ขอแสดงความชื่นชมทุกท่านที่ได้รับรางวัล รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ร่วมกันขับเคลื่อนให้ชุมชนปราศจากความรุนแรงในครอบครัวได้ ตลอดระยะเวลา ๑ ปี นับตั้งแต่เริ่มโครงการ เป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกท่านให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานส่งเสริมศักยภาพของสตรีและครอบครัวให้มีความเข้มแข็ง เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว รางวัลนี้จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความร่วมมือร่วมใจที่ผ่านมาได้บรรลุผลสำเร็จ ทำให้ชุมชนไร้ความรุนแรง อีกทั้งสตรียังได้รับการพัฒนา และสถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็ง ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ สิ่งที่ท้าทายต่อไปคือการรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของชุมชน และความพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกันหากเกิดปัญหาความรุนแรงขึ้น ซึ่งหาเราทุกคนสามารถทำได้ ก็จะส่งผลโดยตรงต่อความเข้มแข็งของสถาบันครอบครัว ความเจริญมั่นคงของสังคมและประเทศชาติต่อไป" พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย