โพลล์เผยผู้ปกครองรับรู้ข่าวศธ.ลดชั่วโมงเรียน

จันทร์ ๐๗ กันยายน ๒๐๑๕ ๑๓:๑๑
ศ. ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโส,อาจารย์พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช ประธานกรรมการ,ดร.พิสิฐ พฤกษ์สถาพร กรรมการรองผู้อำนวยการ และอาจารย์วัฒนา บุญปริตร กรรมการรองผู้อำนวยการสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ แถลงผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครองในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อนโยบายการลดชั่วโมงเรียนเพิ่มชั่วโมงรู้ในแต่ละวันให้กับนักเรียนในสถานศึกษา โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม - 4 กันยายน พ.ศ. 2558

จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,133 คนสามารถสรุปผลได้ดังนี้ ในด้านข้อมูลทางประชากรศาสตร์ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงคิดเป็นร้อยละ 52.16 ขณะที่ร้อยละ 47.84 เป็นเพศชาย กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 29.48 มีอายุเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 41 ถึง 45 ปี ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีคิดเป็นร้อยละ 33.45 นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เป็นลูกจ้าง/พนักงานในห้างร้านหรือบริษัทเอกชนคิดเป็นร้อยละ 29.92 ข้าราชการคิดเป็นร้อยละ 25.95 และพนักงานรัฐวิสาหกิจคิดเป็นร้อยละ 20.39

ในด้านความรับรู้เกี่ยวกับนโยบายการลดชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนนั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 82.61 รับทราบข่าวเกี่ยวกับนโยบายการลดชั่วโมงเรียนเพิ่มชั่วโมงรู้ให้กับนักเรียนในสถานศึกษา ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 17.39 ไม่ทราบ

ในด้านความคิดเห็นต่อระยะเวลาในการเรียนและกิจกรรมหลังสิ้นสุดชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนแต่ละวันนั้น หากเริ่มชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนของแต่ละวันในเวลา 08.00 น. กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 38.75 มีความคิดเห็นว่าควรให้ชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนสิ้นสุดในเวลาประมาณ 14.00 น. รองลงมามีความคิดเห็นว่าควรให้สิ้นสุดในเวลา 15.00 น. และเวลา 13.00 น. ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 25.33 และร้อยละ 21.18 ตามลำดับ ขณะที่มีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 8.3 ที่มีความคิดเห็นว่าควรสิ้นสุดหลังเวลา 15.00 น. และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 6.44 มีความคิดเห็นว่าควรสิ้นสุดเพียงเวลาประมาณ 12.00 น. สำหรับกิจกรรมที่อยากให้สถานศึกษาจัดหลังสิ้นสุดชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนนั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่อยากให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมเสริมทักษะ เช่น กีฬา ดนตรี งานฝีมือ ทำอาหารให้กับนักเรียนหลังสิ้นสุดชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนซึ่งคิดเป็นร้อยละ 36.19 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 26.74 อยากให้จัดกิจกรรมเสริมความรู้ทั่วไปนอกเหนือจากบทเรียนในชั้นเรียน เช่น รับฟังวิทยากรจากภายนอก อ่านหนังสือในห้องสมุด รับชมภาพยนตร์ สารคดีความรู้ต่าง ๆ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 17.74 และร้อยละ 12.8 อยากให้จัดกิจกรรมการบำเพ็ญประโยชน์ช่วยเหลือสังคม เช่น เก็บขยะ ปลูกต้นไม้และกิจกรรมด้านวิชาการเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่เรียนในชั้นเรียน เช่น การทำแบบฝึกหัด การทำการบ้านตามลำดับ โดยที่มีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 6.53 มีความคิดเห็นว่าควรอนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านได้ตามอิสระ

ในด้านความคิดเห็นต่อการลดชั่วโมงเรียนในชั้นเรียน กลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 65.31 มีความคิดเห็นว่าการลดชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนจะมีส่วนช่วยลดความเครียดจากการเรียนของนักเรียนได้ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 58.69 มีความคิดเห็นว่าการลดชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนจะไม่ส่งผลกระทบให้นักเรียนได้รับเนื้อหาการเรียนรู้ที่สำคัญในแต่ละวิชาน้อยลง นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 60.55 มีความคิดเห็นว่าการเพิ่มกิจกรรมการเรียนรู้หลังสิ้นสุดชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนจะมีส่วนช่วยเพิ่มทักษะการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ นอกเหนือจากเนื้อหาบทเรียนให้กับนักเรียนได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการลดชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนให้สิ้นสุดเร็วขึ้น กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 57.55 ยอมรับว่าตนเองกังวลว่านักเรียนจะมีโอกาสได้ใช้เวลาทำกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น เที่ยวเตร่ เล่นเกม เสพยาเสพย์ติด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฯลฯ มากขึ้น ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62.67 มีความคิดเห็นว่าการลดชั่วโมงเรียนให้สิ้นสุดเร็วขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 28.86 ยอมรับว่าจะส่งผลกระทบ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 8.47 ไม่แน่ใจ

ในด้านความคิดเห็นต่อนโยบาย "ลดชั่วโมงเรียนเพิ่มชั่วโมงรู้" กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 57.19 มีความคิดเห็นว่านโยบาย "ลดชั่วโมงเรียนเพิ่มชั่วโมงรู้" จะมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพของนักเรียนไทยให้สูงขึ้นกว่าในปัจจุบันได้ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างประมาณครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 50.4 มีความคิดเห็นว่าการลดชั่วโมงเรียนในชั้นเรียนเพื่อเพิ่มเวลาทำกิจกรรมการเรียนรู้ยังไม่มีความเหมาะสมกับลักษณะนิสัยของนักเรียนไทยในปัจจุบัน นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 58.52 เห็นด้วยกับนโยบาย "ลดชั่วโมงเรียนเพิ่มชั่วโมงรู้" อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 53.49 ไม่มั่นใจว่าจะมีการดำเนินการตามนโยบาย "ลดชั่วโมงเรียนเพิ่มชั่วโมงรู้" ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลได้จริง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑ เม.ย. อ.อ.ป. ร่วม พิธีสรงน้ำพระ ขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2567 ทส.
๑๑ เม.ย. 1 จาก 1,159 ศูนย์การค้า เดอะ พาลาเดียม เวิลด์ ช้อปปิ้ง ส่งมอบลอตเตอรี่ที่ไม่ถูกรางวัล จำนวน 125,500 ใบ ให้กับศูนย์สาธารณสงเคราะห์เด็กพิเศษ วัดห้วยหมู
๑๑ เม.ย. JPARK ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผถห. อนุมัติปันผล 0.0375 บาทต่อหุ้น
๑๑ เม.ย. สเก็ตเชอร์ส สนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อความสบายแก่บุคลากรทางการแพทย์ บริจาครองเท้ารุ่น GOwalk 7(TM) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์
๑๑ เม.ย. ศูนย์คนหายไทยพีบีเอส ร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำงานเชิงป้องกัน เก็บก่อนหาย ในผู้สูงอายุ
๑๑ เม.ย. จุฬาฯ อันดับ 1 ของไทย การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย QS WUR by Subject 2024
๑๑ เม.ย. ครั้งแรกในไทย 'Pet Us' เนรมิตพื้นที่จัดกิจกรรม มะหมามาหาสงกรานต์ ชวนน้องหมาทั่วทั้ง 4 ภาคร่วมสนุกในช่วงสงกรานต์ 13-14 เมษายน ตอกย้ำความสำเร็จฉลอง 'Pet Us' ครบ 3
๑๑ เม.ย. LINE STICKER OCHI MOVE จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทร คว้ารางวัลชนะเลิศ Best Sponsored Stickers in Insurance ในงาน LINE THAILAND AWARDS
๑๑ เม.ย. วว. ผนึกกำลังหน่วยงานเครือข่าย พัฒนาเชื่อมโยงการค้า ตลาด วิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
๑๑ เม.ย. บริษัท เค วัน วัน ดี จำกัด ถือฤกษ์ดีจัดพิธีบวงสรวง ซีรี่ส์ Girl's Love เรื่องใหม่ Unlock Your Love : รักได้ไหม ?