นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเปิดงานวันสถาปนาสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ประจำปี 2558 ครบรอบ 13 ปี ว่า ปัจจุบันสถานการณ์การค้าและเศรษฐกิจโลก ได้ให้ความสำคัญกับการบริโภคและการค้าสินค้าเกษตรที่มีมาตรฐานและความปลอดภัย นอกจากนั้น นานาประเทศที่เป็นคู่ค้าต่างกำหนดเงื่อนไขการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหาร โดยใช้เกณฑ์ด้านมาตรฐานและความปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นตัวตั้ง หรือแม้แต่การจะก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจอาเซียนภายในสิ้นปี 2558 นี้ก็ตาม ซึ่งประเทศไทยก็จะพบกับภาวะการแข่งขันควบคู่ไปกับการค้าการตลาดที่ขยายตัวขึ้นของภูมิภาค ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) จึงเป็นหน่วยงานกลางเกี่ยวกับมาตรฐานสินค้าเกษตรของประเทศให้มีคุณภาพเท่าเทียมหรือสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ช่วยให้เกิดมาตรฐานกลาง ยกระดับการผลิตของเกษตรกร สร้างความเป็นธรรมทางการค้าและคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งการเจรจาเปิดตลาดและแก้ไขปัญหาการกักกันสินค้าเกษตรและอาหารของไทย เพื่อส่งเสริมการเป็นครัวโลกอย่างยั่งยืน
นายธีรภัทร กล่าวต่อไปว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ได้นำแผนการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้ตอบสนองกับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ) ที่ประกาศให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มโอกาสทางการแข่งขัน ภาคเกษตร 4 ด้านหลัก ประกอบด้วย 1) การลดต้นทุนปัจจัยการผลิต 2) การเพิ่มผลผลิต 3)การบริหารจัดการ และ 4) การตลาด โดยมุ่งการทำงานในเชิงรุกให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการค้า รวมถึงกระแสเรื่องการใส่ใจสุขภาพและความต้องการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และมีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดและสร้างขีดความสามารถการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรไทยที่ได้มาตรฐาน และขยายช่องทางการค้าทั้งภายในประเทศ ระดับภูมิภาคอาเซียนหรือเออีซี (AEC) และตลาดโลก
นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2559 มกอช. ได้มีแผนจัดทำมาตรฐานสินค้าเกษตรที่ตรงกับความต้องการของเกษตรกรมากยิ่งขึ้น มุ่งให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง โดยตั้งเป้าจัดทำมาตรฐานเพิ่มเติมจากเดิมที่ได้ประกาศใช้มาตรฐานทั่วไปแล้ว จำนวน 250 เรื่อง ทั้งในเรื่องมาตรฐานสินค้า มาตรฐานระบบการผลิต และมาตรฐานข้อกำหนดทั่วไป พร้อมประกาศบังคับใช้มาตรฐานบังคับ 2 เรื่อง และจัดทำมาตรฐานบังคับเพิ่มอีก 1 เรื่อง นอกจากนี้ ยังได้มีการส่งเสริมมาตรฐานสินค้าเกษตรในกลุ่มเกษตรกรและในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ การเร่งรัดการเจรจาเรื่องที่เป็นปัญหาอุปสรรคในด้านสินค้าเกษตรและอาหาร เพื่อเปิดตลาดและขยายการค้าให้มากยิ่งขึ้น การพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร อาทิ การใช้ QR Code การปรับปรุงระบบ Early Warning ด้านกฎระเบียบคู่ค้า รวมทั้งการเพิ่มหน่วยตรวจรับรองต่าง ๆ และห้องปฏิบัติการตรวจสอบสินค้าเกษตรและอาหารที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อสนับสนุนถ่ายโอนภารกิจการตรวจสอบสินค้าเกษตรและอาหารสู่ภาคเอกชนมากยิ่งขึ้นด้วย