พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกณีกรณีหญิงชรา อายุ 70 ปี พิการสายตาพร่ามัว ต้องรับภาระเลี้ยงดูหลานสาว อายุ 12 ปี เนื่องจากถูกแม่ทิ้งไปตั้งแต่เล็ก และพ่อติดสุราอย่างหนัก อาศัยอยู่ในบ้านสภาพเก่าทรุดโทรมมีรายได้เพียงเบี้ยความพิการและผู้สูงอายุเดือนละ 1,500 บาท ประทังชีวิตไปวันๆ ที่จังหวัดนครพนม ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม (พมจ.นครพนม) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้านการศึกษาให้เด็กในระยะยาวและปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยให้ถูกสุขลักษณะเหมาะสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ สำหรับหญิงชรา อายุ 62 ปี ที่สามีทอดทิ้งไปแล้วหลายปี และบ้านถูกไฟไหม้วอดทั้งหลัง ซึ่งใช้เป็นที่พักอาศัยอยู่กับหลานอีก 2 คน อายุ 5 ขวบ และ 8 ขวบ
ที่ถูกพ่อแม่ที่แยกทางกันทิ้งให้เลี้ยงดู ครอบครัวฐานะยากจน มีความเป็นอยู่ยากลำบาก ที่ อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมานั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครราชสีมา (พมจ.นครราชสีมา) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือจัดหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้ครอบครัวดังกล่าว รวมทั้งดูแลในด้านต่างๆในระยะยาวต่อไป
"สำหรับกรณีเด็กพี่น้องสองคนโดยพี่สาวคนโต อายุ 12 ปี และน้องชายคนเล็ก อายุ 10 ปี ซึ่งพ่อและแม่แยกทางกัน ทิ้งให้ปู่และย่าต้องรับภาระเลี้ยงดู อาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านสภาพเก่าทรุดโทรมใกล้ผุพัง ครอบครัวมีฐานะยากจน มีความเป็นอยู่ยากลำบากที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่(พมจ.เชียงใหม่) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้านการศึกษาให้เด็กในระยะยาว และปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยให้ถูกสุขลักษณะ"พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย