กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ จึงได้ดำเนินการตามนโยบายของพลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการควบคุม ป้องกันและกำจัดโรคระบาด จากสัตว์สู่คน และสัตว์สู่สัตว์ ตลอดจนควบคุมกำกับดูแล การนำเข้า นำออก นำผ่าน ราชอาณาจักรซึ่งสินค้าปศุสัตว์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและน่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการกำหนดมาตรฐาน หลักเกณฑ์ เงื่อนไข ในการควบคุมการผลิต การนำเข้า นำออก นำผ่าน สัตว์และซากสัตว์ให้เป็นมาตรฐานสากล รวมไปถึงการดำเนินงานบังคับใช้กฎหมายที่กรมปศุสัตว์รับผิดชอบอยู่อย่างเคร่งครัด โดยได้ดำเนินการตรวจสอบสถานที่พักซากสัตว์ทั่วประเทศ ตรวจสอบสินค้าปศุสัตว์ ที่นำเข้าทางท่าเรือ สินค้าปศุสัตว์ประเภทเนื้อสัตว์ และซากสัตว์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ รวมถึงการป้องปรามผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์จากประเทศที่กรมปศุสัตว์ไม่อนุญาต ซึ่งการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวนั้น เป็นการดำเนินการร่วมกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ศุลกากร
นายสัตวแพทย์อยุทธ์ หรินทรานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการร่วมดำเนินการของชุดเฉพาะกิจ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 57 ได้มีการจับกุมผู้กระทำผิดแล้ว ทั้งการนำสินค้าผ่านแดนโดยไม่มีใบอนุญาตและการนำสินค้าผ่านแดนโดยไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดหลายรายการ และได้ดำเนินการทำลายสินค้าปศุสัตว์เสร็จสิ้นไปแล้ว 90 ครั้ง เป็นจำนวน 450,282 กิโลกรัม มูลค่า 47,433,218 บาท ทั้งนี้ ได้ดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ 2558 และได้มีการฝังทำลายสินค้าปศุสัตว์ในครั้งนี้เพิ่มอีก ได้แก่ เนื้อกระบือแช่แข็ง 36,529 กิโลกรัม เนื้อหมูและเครื่องในโค 7,680 กิโลกรัม รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 44,209 กิโลกรัม รวมมูลค่า 4,420,900 บาท ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 57 ถึงปัจจุบัน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ได้ทำลายสินค้าปศุสัตว์ซึ่งนำเข้าผิดกฎหมายไปแล้วทั้งสิ้นจำนวน 494,491 กิโลกรัม รวมมูลค่าทั้งสิ้น 51,854,118 บาท