พรรณิภา ปวนะฤทธิ์ ประธานสมาคมช่างผมโลก (Intercoiffure Thailand) และเจ้าของร้าน "พรรณิภา แฮร์ เนล บิวตี้" กล่าวว่า "ที่จริงเทรนด์ผมในปีนี้กับปีหน้าเป็นอะไรที่ค่อนข้างหลากหลาย อยู่ที่ว่าจะพูดถึงผมสั้น กลางหรือยาว อย่างเทรนด์ผมสั้นของปีนี้และปี 2016 เป็นการตัดที่คมชัด แนว geomatric และ asymetric cut undercut ซึ่งจะเป็นการจัดทรงที่เรียบง่ายหรือดู soft and feminine ก็ได้? เทรนด์ผมระดับกลาง คือ ทรงบ๊อบตรง หรือเท ทุย เรียบตรง หรือมีเลเยอร์และความพองจัดทรงให้มีคลื่นเวฟ หรือดัดให้มีความหยิกอ่อนๆ เพื่อ finger dry ดูแลง่าย? สำหรับผมยาวจะเน้นการตัดเป็นเลเยอร์ยาวเพื่อให้มีความพอง แล้วดัดช่วงปลายผมอเน้นคลื่นลอนดูธรรมชาติและดูแลง่าย หรือจะโบลไดร์ให้พอง ดูแนว feminine และ Hollywood แต่นอกจากเรื่องของเทรนด์แฟชั่นผมแล้ว เราต้องรู้และเข้าใจถึงลักษณะเส้นผมของเรา อย่างเราเป็นคนเอเชียเมื่อเทียบกับเส้นผมของคนยุโรปแล้ว เส้นผมของคนเอเชียจะเส้นใหญ่ จะหนากว่า เส้นผมแบบนี้ควรทำผมทรงไหนดี ก็ต้องดูรูปหน้าประกอบด้วย ควรอยู่ในลักษณะผมแบบไหน ที่จะทำให้รูปหน้าเราสวยที่สุด และเมื่อได้ทรงผมที่เหมาะสมกับเราแล้ว สีที่เสริมเข้าไปก็ควรเข้ากับสีผิว ทำแล้วต้องเสริมบุคลิกภาพ ซึ่งเบื้องต้นผู้หญิงเราก็ต้องมีความรู้ตรงนี้ด้วย เพื่อที่จะได้เลือกช่างหรือเลือกร้านเสริมสวยที่ตอบโจทย์ตรงตามความต้องการได้"
"แท้จริงแล้วทรงผมก็เหมือนกรอบรูป ทำให้ใบหน้าที่เปรียบเสมือนภาพสวยเด่นเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่จะทำผมให้รูปหน้าดูดี นั้น ต้องทำแล้วใบหน้าออกมาเป็นรูปไข่ที่สุด โดยคนที่ ใบหน้ารูปไข่ (Oval) อยู่แล้ว ถือว่าโชคดีมาก ใบหน้ารูปไข่นี้เป็นรูปทรงที่เพอร์เฟ็คที่สุด จะไว้ผมทรงอะไรก็ได้ที่คุณอยากจะไว้ก็ได้ ส่วนคนที่มี ใบหน้ารูปสี่เหลี่ยม (Square) จุดสังเกตคือ คุณจะมีช่วงกรามเด่นออกมามากกว่าที่ควรจะเป็น จะต้องไว้ทรงผมที่สามารถลงมาปรกข้างๆ ขากรรไกรเชิงมุมตรงคาง รวมถึงตัดผมหน้าม้าเพื่อปิดความเหลี่ยมด้านบนใบหน้าด้วย ต่อมาเป็น ใบหน้ายาว (Oblong ) หรือที่เรียกกันว่า สี่เหลี่ยมผืนผ้า ต้องมีความพองด้านข้าง ควรตัดผมม้าเป๋ที่หน้าผากและด้านบนต้องไม่มีความสูง มิฉะนั้นรูปหน้าจะดูยาวมากขึ้นค่ะ ขณะที่สาวที่มีช่วงหน้าผากกว้างและเล็กแหลมลงที่แก้มและคาง จัดอยู่ในกลุ่มคนที่มีใบหน้ารูปสามเหลี่ยม (Triangle ) ซึ่งแบ่งย่อยเป็นฐานสามเหลี่ยมอยู่ที่ด้านบน แล้วมุมแหลมอยู่ด้านล่าง ต้องลดความกว้างของหน้าผาก ถ้าผมยาวอาจจะดัด หรือโบลไดร์ทำเป็นวอลลุ่มก็ได้ และอีกอย่างเป็นที่ใบหน้าเป็นสามเหลี่ยมแบบพีระมิด ไม่ควรไว้หน้าม้าตรง ควรไว้ทรงที่ดูเต็มช่วงบนของศีรษะ แล้วค่อยๆ สไลด์ปลายบางๆ ไล่ลงมาตามรูปคาง เพื่อปิดแก้ม สุดท้าย สาวที่มี ใบหน้าทรงกลม (Round shape) ควรไว้ทรงผมที่ปกปิดความมนกลมช่วงกรามไว้ หรือเบี่ยงเบนความสนใจไปที่จุดอื่น แนะนำให้ลองตัดทรงบ๊อบ แล้วสไลด์หน้าม้าบางๆ เป็นต้น"
นอกจากนี้ พรรณิภา ปวนะฤทธิ์ ยังกล่าวถึงสีผมซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้หญิงเราต้องคำนึงถึงด้วย นอกจากทรงผมที่รับกับรูปหน้าแล้ว "เรื่องของสีผมก็ควรเหมาะกับสีผิว สีผิวในที่นี้ขอแบ่งเป็น 3 แบบ เพื่อให้เข้าใจง่าย คือ ซัมเมอร์ ออทั่ม และ วินเทอร์ค่ะ "ซัมเมอร์" (Summer) คือ ฤดูร้อน จะหมายถึงคนที่ผิวมีสีแดง พิกเม้นท์ของสีผิว ได้แก่ แดง ชมพูก็คือแดง บางคนขาว แต่มีความแดงมีความชมพูก็อยู่ในกลุ่มซัมเมอร์ สีผมที่เหมาะ ได้แก่ เชสนัท?เรด หรือสีเกาลัดนั่นเอง รวมถึงสีมะฮอกกานีด้วย สีนี้จะมีเบสเป็นสีน้ำตาลและมีประกายเป็นสีแดง หรือสีน้ำตาลธรรมชาติก็ได้ แต่ไม่ควรใช้สีหมอกอมเขียว หรือประกายเขียว ซึ่งจะดูแก่และแลไม่สดใสด้วย ส่วนสาว "ออทั่ม" (Autumn) หรือฤดูใบไม้ร่วง 80% ของคนไทยอยู่ในกลุ่มนี้ โดยเป็นผิวสีขาวเหลือง ซึ่งจะใช้สีธรรมชาติเหมาะที่สุด เป็นสีน้ำตาลธรรมชาติ ดำธรรมชาติ จะเข้ม กลาง หรืออ่อนก็ได้ แต่ต้องเป็นแอชโทน คือ หมอก, สีควันบุหรี่ จะเหมาะที่สุดกับผิวขาวเหลือง สีที่ควรหลีกเลี่ยงไม่ควรทำ โกลด์, ทองโกลด์ เพราะจะยิ่งส่งให้ผิวซีดขึ้นค่ะ สุดท้าย "วินเทอร์" (Winter) หรือฤดูหนาว เช่น นอร์เวย์ เดนมาร์ก เป็นต้น พิกเม้นท์สีผิวของสาวกลุ่มนี้จะขาวซีด สีผมที่ควรทำเพื่อช่วยให้ผิวมีน้ำมีนวลเปล่งปลั่งขึ้น คือ สีธรรมชาติ สีน้ำตาลเข้ม สีหมอก หรือดำก็ได้ สามารถใช้ได้เกือบทุกสีเลย แต่ควรเน้นไปทางธรรมชาติ ไม่มีประกายดีกว่า"
"ใครที่อยากทำทรงผมสวยๆ ให้เข้ากับรูปหน้าหรือสีผมที่เข้ากับสีผิว สามารถมาใช้บริการได้ที่ร้าน "พรรณิภา แฮร์ เนล บิวตี้" ซึ่งนอกจากเรื่องทรงผมแล้ว เรายังมีบริการสปา ห้องนวดตัว นวดหน้า ห้องแว็กซ์ ห้องต่อขนตา ฯลฯ เรียกว่ามาที่เดียวสวยครบอย่างคุณภาพ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พร้อมมัลติมีเดียรวมถึงสื่อต่างๆ คอยอัพเดต เทรนด์ล่าสุดให้ลูกค้าอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย" พริดา ลิมปานนท์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านแฟชั่นผมร้าน "พรรณิภา แฮร์ เนล บิวตี้" กล่าวปิดท้าย
ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามหรือขอคำปรึกษาเพิ่มเติม โทร. 0-2392-6218, 0-2711-4089,0-2711-4311 หรือข้อมูลเพิ่มเติมคลิก http://www.panipa.com