ไอดูโฟร์ไอเดีย ชี้ธุรกิจเครื่องพิมพ์ภาพบนวัสดุเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ ปรับแผนตลาดเตรียมสู้ศึกปี 59

ศุกร์ ๓๐ ตุลาคม ๒๐๑๕ ๑๗:๕๓
ไอดูโฟร์ไอเดีย ทุ่มงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท เตรียมแผนการตลาด 3 ด้าน ปรับโฉมสำนักงานใหญ่ให้บริการที่ครบวงจร เดินหน้าขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มอีก 7 สาขา อัดกิจกรรมเวิร์คชอปหลักสูตรการขายช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี พร้อมพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ลงตลาดเพิ่มกว่า 10 รุ่น มั่นใจธุรกิจเครื่องพิมพ์ภาพลงวัสดุโตสวนกระแสเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลมีมาตรฐานการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยเต็มที่ ตั้งเป้ารายได้ปี 59 ทะลุ 100 ล้านบาท

นายธช ธัมมพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอดูโฟร์ไอเดีย จำกัด ผู้นำเข้าและจัดหน่ายเครื่องพิมพ์ภาพลงวัสดุอันดับหนึ่งของประเทศไทย กล่าวว่า "บริษัทฯ ซึ่งถือเป็นเจ้าตลาดรายแรกๆ ของประเทศไทยที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องพิมพ์ภาพลงบนวัสดุมายาวนานกว่า 5 ปี ในการส่งเสริมการทำธุรกิจ ปัจจุบันนำเข้าผลิตภัณฑ์เพื่อจัดจำหน่าย กว่า 3,000 รายการ แบ่งเป็น 6 ประเภท ได้แก่ เครื่องพิมพ์ภาพลงเคสมือถือ เครื่องพิมพ์ภาพลงเสื้อต่างๆ เครื่องพิมพ์ภาพลงแก้ว เครื่องตัดสติ๊กเกอร์ เครื่องทำสติ๊กเกอร์กันรอยมือถือ และเครื่องพิมพ์ภาพตุ๊กตาหน้าเด้ง 3 มิติ ให้แก่ลูกค้าซึ่งเป็นกลุ่มเริ่มต้นทำธุรกิจหรือกลุ่มเอสเอ็มอี พร้อมทั้งมีสาขาให้บริการกว่า 7 สาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับธุรกิจเครื่องพิมพ์ลายลงวัสดุเป็นธุรกิจใหม่ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 300 – 500 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 20% หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท และมียอดจำหน่ายเครื่องพิมพ์ภาพลงบนวัสดุเฉลี่ย 1,000 เครื่องต่อปี ทั้งนี้อัตราการเติบโตดังกล่าวมีปัจจัยบวกมาจาก ไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันเปลี่ยนไป มีความต้องการสร้างธุรกิจเป็นของตัวเองหรือต้องการหารายได้เสริมโดยเริ่มจากการทำธุรกิจขนาดเล็ก ประกอบกับภาครัฐได้มีมาตรการสนับสนุนและส่งเสริมพัฒนาธุรกิจรายย่อยให้เกิดศักยภาพ เพราะผู้ประกอบการรายย่อยถือเป็นกำลังที่สำคัญในการสร้างรากฐานที่มั่นคงทางด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศ

ดังนั้นเพื่อรองรับอัตราการเติบโตทางการตลาดที่กำลังจะเกิดขึ้น บริษัทฯ จึงได้ทุ่มงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท พัฒนาแผนการตลาดเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้านคือ การขยายสาขาการให้บริการ เริ่มจากการปรับปรุงสำนักงานใหญ่ให้เป็นสาขาต้นแบบในด้านการบริการที่ครบวงจร ทั้งการจำหน่ายสินค้า การให้บริการความรู้ และการบริการหลังการขาย รวมถึงการเวิร์คช้อปทางด้านการพิมพ์ภาพลงวัสดุฟรี ซึ่งแนวทางการตกแต่งโชว์รูมจะออกแบบให้สอดคล้องกับสไตล์ของผลิตภัณฑ์ในแนว "อินดัสเตรียล ลอฟท์(Industrial loft)" ที่ทันสมัยเพื่อเปิดมุมมองและไอเดียให้ลูกค้า ผู้ประกอบการ ให้เข้าถึงความหลากหลายและสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้

นอกจากนี้ยังเตรียมขยายสาขาในประเทศเพิ่มขึ้นอีก 5 สาขา ได้แก่ สุขุมวิท-บางนา, หาดใหญ่, อุบลราชธานี, นครราชสีมา, บุรีรัมย์ จากเดิมเปิดให้บริการแล้ว 7 สาขา คือ รังสิต, ลาดพร้าว, บางใหญ่, เชียงใหม่, ขอนแก่น, ชลบุรี, ภูเก็ต ส่งผลให้บริษัทมีสาขาให้บริการลูกค้าเพิ่มเป็น 12 สาขา พร้อมทั้งได้เตรียมขยายสาขาไปยังต่างประเทศเพื่อรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน หรือ AEC จากเดิมที่มีในประเทศ สปป.ลาว แล้ว 2 สาขา คือ นครหลวงเวียงจันทร์ และ เมืองสะหวันเขต และเตรียมเข้าไปขยายต่อในประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและประเทศกัมพูชา เร็วๆนี้

ต่อมาคือเรื่องของ "บริการหลังการขาย" ที่จะเพิ่มบริการมากกว่าดูแล ซ่อมบำรุงเครื่องเพียงอย่างเดียว โดยจะมุ่งเน้นเพื่อการยกระดับและสร้างความเป็นมืออาชีพให้แก่ธุรกิจของกลุ่มลูกค้าด้วย ด้วยการจัดกิจกรรมฟรีเวิร์คชอป อบรมให้ความรู้เรื่องการขายในด้านต่างๆ อาทิเช่น การทำการตลาดและการตลาดออนไลน์ รวมไปถึงการสร้างสรรค์ผลงานต่อยอดไอเดียผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ให้ลูกค้าสามารถนำไปใช้ได้จริงในธุรกิจของตัวเอง

สุดท้าย "การพัฒนานวัตกรรมใหม่" โดยบริษัทฯ ได้ร่วมกับผู้ผลิตรายใหญ่ในประเทศจีนช่วยกันคิดค้นนวัตกรรมเครื่องพิมพ์ภาพลงวัสดุรุ่นใหม่ๆ กว่า 10 รุ่น ครอบคลุมทั้งงานเสื้อ แก้ว เคสมือถือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคต่างๆ เช่น USB Drive, Power Bank ซึ่งเครื่องพิมพ์ดังกล่าวจะมีความพิเศษ สามารถพิมพ์ภาพลงบนวัสดุได้หลากหลายขึ้นทั้ง ปากกา, แผ่นไม้, แผ่นเหล็ก และอื่นๆ อีกมากมาย

นายธช กล่าวต่อว่า "นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เตรียมทำแผนการสื่อสารไปถึงกลุ่มลูกค้า ซึ่งจะยังคงใช้กลยุทธ์แบบ "ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง (online marketing)" ผ่านทุกช่องทางทั้ง เฟสบุ๊ค (facebook), กูเกิล (google), ไลน์ (Line) และ อินสตาแกรม (instagram) เนื่องจากวิธีการดังกล่าวสามารถสื่อสารข้อมูลไปยังกลุ่มลูกค้าได้โดยตรงและรวดเร็ว

ทั้งนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายทางการตลาดในช่วงปลายปี 2559 ว่า หากดำเนินตามแผนการตลาดดังกล่าวที่วางไว้ในตอนต้น จะสามารถสร้างรายได้รวมให้กับบริษัทได้กว่า 100 ล้านบาท และยังสามารถรักษาอันดับหนึ่งของมาร์เก็ตแชร์ในตลาดดังกล่าวนี้ได้อีกด้วย"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๐ ก.แรงงาน เตือนประชาชนรอบโกดังกากของเสีย จ.ระยอง ปฏิบัติตามคำแนะนำ พร้อมกำชับดูแลความปลอดภัยของลูกจ้างแรงงาน
๐๙:๒๘ MSC ร่วมกับ AWS จัดงาน MSC x AWS ECO Connect
๐๙:๐๕ เอเอฟเอส ประเทศไทย ผนึกกำลังศิษย์เก่า แลกเปลี่ยนแนวคิดธุรกิจให้เติบโตและยั่งยืน
๐๙:๐๐ Synology ช่วยให้องค์กรต่างๆ นำแผนการกู้คืนข้อมูลจากแรนซัมแวร์ไปปรับใช้ได้อย่างไร
๐๙:๓๗ ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ชวนคนกรุงฯ ค้นหาความสุขที่แท้จริงของชีวิต กับกิจกรรม ธรรมะในสวน ห้วข้อ เข้าใจชีวิต พิชิตสุข ณ สวนเบญจกิติ 4 พฤษภาคม 2567
๐๙:๐๒ ฉางเจียงเปิดแฟชั่นโชว์ หลอมรวมวัฒนธรรมและงานศิลป์อวดสายตาชาวโลก
๐๙:๕๗ เจาะฟีเจอร์กล้อง 108MP ใน HUAWEI nova 12i สเปกเท่าเรือธงในงบต่ำหมื่น!
๐๘:๑๓ ม.หอการค้าไทย ลงนามความร่วมมือ กับ AIT
๐๘:๒๑ จับติ้วแบ่งสายสุดเดือด ศึกลูกหนังเยาวชน แอสเซทไวส์ สยามกีฬาคัพ 2024 เริ่มโม่แข้ง 23 เม.ย.นี้!!
๐๘:๔๐ The Winner of OpsSimCom 2024 by MIT Sloan is.THAMMASAT.!!