นายไมตรี กล่าวต่อว่า กรณีชุมชนโรงช้าง ที่ตั้งอยู่ในที่ดินของบริษัทเอกชน เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ อาศัยอยู่มากว่า ๑๕ ปี มีจำนวน ๗๐ กว่าครัวเรือน ซึ่งเจ้าของที่ต้องการใช้พื้นที่ที่ตั้งชุมชนและได้ดำเนินคดีกับชุมชน โดยมีสมาชิกชุมชน ที่ถูกดำเนินคดีถึงขั้นการบังคับคดีแล้วจำนวน ๗ ราย และกำหนดลงพื้นที่รื้อถอนบ้าน เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อชะลอการรื้อถอนบ้านสมาชิกชุมชน ทั้ง ๗ หลังคาเรือน ไปจนถึงเดือนเมษายน ๒๕๕๙ โดยจะมีการทำบันทึกข้อตกลงระหว่างกันที่กรมบังคับคดี รวมทั้งค่าชดเชยในการรื้อถอน ส่วนสมาชิกชุมชนที่เหลือ ขอให้มีการขยายระยะเวลาในการย้ายเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยในที่ดินแห่งใหม่ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง เป็นระยะเวลา ๒ ปี ทั้งนี้ ขอความร่วมมือให้ชุมชน เครือข่ายสลัมสี่ภาค และ พอช. จัดทำโรดแมป (Road Map) การดำเนินงานดังกล่าวเพื่อนำไปประกอบการเจรจาไกล่เกลี่ยกับบริษัทเอกชนเจ้าของที่ดิน สำหรับกรณี ชุมชนวัดใต้ เป็นชุมชนที่เช่าที่ดินของวัดใต้ เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ อาศัยอยู่มาตั้งแต่ปี ๒๔๗๙ มีจำนวน ๙๘ ครัวเรือน ต่อมาทางวัดใต้ได้หยุดเก็บค่าเช่าที่ดินประมาณ ๑๐ ปีที่ผ่านมา และล่าสุด ทางวัดใต้ได้ดำเนินการฟ้องขับไล่ชาวชุมชนไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ขอความร่วมมือให้ชุมชน เครือข่ายสลัม สี่ภาค และ พอช. จัดทำโรดแมป (Road Map) เพื่อนำไปประกอบการเจรจาไกล่เกลี่ยกับวัดใต้เจ้าของที่ดินเพื่อการพัฒนา ที่อยู่อาศัยใหม่ในที่ดินของวัดใต้ หรือย้ายไปสร้างในที่ดินแห่งใหม่ ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง เป็นระยะเวลา ๒ ปี
นายไมตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีชุมชนลาวัลย์ ที่ตั้งอยู่ในที่ดินของบริษัทเอกชน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี บนที่ดินประมาณ ๒ ไร่กว่า มีจำนวน ๔๔ ครอบครัว ทางชุมชนประสบปัญหาไม่สามารถเดินทางเข้า-ออกชุมชนได้ เนื่องจาก ถูกเจ้าของที่ดินด้านหน้าของชุมชนดำเนินคดีดังกล่าว ล่าสุด เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรี ให้การคุ้มครองในทางเข้า-ออกชั่วคราวของชุมชนจนกว่าจะมีการไกล่เกลี่ยรอบสุดท้ายในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ที่ประชุมจะมีการประสานขอความร่วมมือกับเจ้าของที่ดินในเรื่องทางเข้า-ออกของชุมชนต่อไป ก่อนถึงวันนัดไกล่เกลี่ย