นอกจากนี้ ชุมชนได้เสนอให้เจ้าของที่ดินจ่ายค่ารื้อถอนขนย้ายจำนวน ๑๘ ล้าน ให้กับสมาชิก ๒๐๙ หลังคาเรือน เพื่อชุมชนจะนำเงินค่ารื้อถอนดังกล่าวไปสมทบซื้อที่ดิน จำนวน ๙ ไร่ ราคารวมจำนวนทั้งสิ้น ๒๗ ล้านบาท และจะดำเนินโครงการบ้านมั่นคงต่อไป พร้อมทั้งเสนอให้เจ้าของที่ดินจ่ายค่ารื้อถอน ขนย้าย สำหรับ ๖๓ หลังคาเรือน ที่ไม่ร่วมการออมทรัพย์หลังละ ๗๐,๐๐๐ บาท
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาชุมชนที่ถูกไล่รื้อที่อยู่อาศัยดังกล่าวกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดย พอช. จะดำเนินการช่วยเหลือด้วยการปล่อยสินเชื่อกู้ยืมเพื่อซื้อที่ดินและปลูกสร้างที่อยู่อาศัยตามแนวทางของโครงการบ้านมั่นคง โดยประชาชนสามารถกู้ยืมเงินจากโครงการได้รายละไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐ บาทในอัตราดอกเบี้ยต่ำคงที่ร้อยละ ๔ ต่อปี และผ่อนชำระในระยะเวลา ๑๕ ปี ทั้งนี้ โครงการบ้านมั่นคงมีการดำเนินงานมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งได้ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาล
ซึ่งการสนับสนุนงบประมาณในแต่ละปีจะไม่เท่ากัน และความคืบหน้าการดำเนินโครงการบ้านมั่นคง มีรายละเอียดดังนี้
เดือน ตุลาคม ๒๕๕๘ โครงการบ้านมั่นคงได้รับอนุมัติงบประมาณสนับสนุนการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่มีสถานะโครงการอยู่ระหว่างดำเนินการ จำนวน ๗๖ จังหวัด ๓๒๗ เมือง/เขต ๑,๐๐๙ โครงการ ๒,๕๘๗ ชุมชน ๙๙,๒๓๗ ครัวเรือน
"อย่างไรก็ตาม กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยทั่วประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายเร่งด่วนของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยและผู้ด้อยโอกาสได้มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป" พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย