เยอรมนีร่วมมืออาเซียนพัฒนามาตรการด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในท่าเรืออาเซียน

จันทร์ ๐๙ พฤศจิกายน ๒๐๑๕ ๑๘:๐๒
โครงการพัฒนาท่าเรือในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างอาเซียนและเยอรมนี ได้สนับสนุนท่าเรือของประเทศสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมโครงการ 12 แห่งจาก 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์และเวียดนามปรับปรุงประสิทธิภาพของการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของเจ้าหน้าที่ท่าเรือและชุมชนโดยรอบ

โครงการพัฒนาท่าเรือในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน เป็นส่วนหนึ่งของแผนดำเนินงาน "เมือง การขนส่งและสิ่งแวดล้อม" ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเริ่มโครงการมาตั้งแต่ปีพศ. 2552 และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานในเฟสที่ 2 (พศ. 2556 – 2558) โครงการฯ ได้รับงบประมาณจากกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ซึ่งมอบหมายให้องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ดำเนินโครงการร่วมกับสมาคมท่าเรืออาเซียนซึ่งปฏิบัติงานในนามของเลขาธิการอาเซียน

เมื่อวันที่ 4-5 พฤศจิกายน 2558 โครงการฯ ได้จัดการประชุมประจำภูมิภาคครั้งที่ 9 ขึ้นที่การท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อหาแนวทางในการขยายผลสำเร็จและแนวทางการปฏิบัติที่ดีไปสู่ท่าเรืออื่นๆ ในทุกประเทศที่เข้าร่วมโครงการ โดยผู้เข้าร่วมประชุมซึ่งเป็นตัวแทนจากท่าเรือที่เข้าร่วมโครงการ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ได้ร่วมกันหาแนวทางเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาคให้คงอยู่ต่อไป อาทิ การก่อตั้งเครือข่ายการฝึกอบรมเพื่อการพัฒนาท่าเรืออย่างยั่งยืน

นางฟรังก้า สปรอง ผู้อำนวยการ โครงการพัฒนาท่าเรือในภูมิภาคอาเซียนอย่างยั่งยืน กล่าวว่า "เศรษฐกิจในภูมิภาคมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการขนส่งทางทะเลและท่าเรือมีบทบาทสำคัญสำหรับการค้าระหว่างประเทศและการขนส่งสินค้า อย่างไรก็ตาม การกระจุกตัวของกิจกรรมเพื่อการขนส่งสินค้า และการปฏิบัติงานในเขตท่าเรือซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองหรือในเมืองก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้"

"ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ท่าเรือต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการฯ มีความคืบหน้าในการพัฒนาระบบการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก จากจุดเริ่มต้นที่ต่างกันไป ทำให้ท่าเรือแต่ละแห่งได้รับประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงาน โครงการฯ เน้นการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยสำหรับเจ้าที่ระดับปฏิบัติงาน ซึ่งท่าเรือที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้พัฒนาระบบการบันทึกอุบัติเหตุและมาตรการป้องกัน และได้นำมาใช้จริง ท่าเรือบางแห่งยังได้พัฒนาระบบการจัดการของเสียจากเรือขนส่งให้ได้มาตรฐานสากลด้วย

นอกจากนี้ โครงการฯ ได้จัดฝึกอบรมให้เจ้าที่ท่าเรือกว่า 1,000 คน โดยปรับเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ผู้บริหารระดับกลางและระดับสูง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ภาครัฐของแต่ละประเทศ และจัดตั้งเครือข่ายผู้ฝึกอบรมและศูนย์อบรมต่างๆ ที่จะส่งเสริมการทำงานของท่าเรือต่างๆ ต่อไป หลังจากโครงการสิ้นสุดลงในปีหน้า" นางฟรังก้า กล่าวเสริม

เรือโทชำนาญ ไชยฤทธิ์ รองผู้อำนวยการ ท่าเรือกรุงเทพ การท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "ประเทศไทยมีท่าเรือที่เข้าร่วมโครงการฯ คือท่าเรือกรุงเทพและท่าเรือแหลมฉบัง การร่วมมือกับโครงการฯ ตลอด 6 ปีนั้น สอดคล้องกับนโยบายของการท่าเรือฯ ที่มุ่งมั่นปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ รวมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมา ได้ผลักดันให้เกิดกองความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อมในโครงสร้างองค์กร จัดระบบการจราจรภายในท่าเรือ เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร และลดมลพิษทางอากาศ พัฒนาระบบการจัดการขยะมูลฝอยตามภาคผนวก 5 ของอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันมลภาวะจากเรือ (MARPOL) พัฒนาระบบการจัดการของเสียและอุปกรณ์รองรับของเสียจากเรือให้ได้มาตรฐานสากล รวมทั้งจัดทำคู่มือการจัดการของเสียและขยะจากเรือ ซึ่งจะนำไปขยายผลในท่าเรืออื่นๆ ภายใต้การกำกับดูแลของการท่าเรือแห่งประเทศไทย

ในส่วนของมาตรการด้านความปลอดภัยนั้น ได้มีการปรับปรุงระบบการรายงานและสอบสวนอุบัติเหตุ และสร้างความตระหนักให้พนักงานคำนึงถึงความปลอดภัยมากขึ้น โดยปฏิบัติตามกฏระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เครื่องมือทุ่นแรงและอุปกรณ์ต่างๆ ในการปฏิบัติงาน"

"จากการที่ประเทศไทยเป็นที่ตั้งของสำนักงานโครงการฯ ท่าเรือกรุงเทพจึงมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางความร่วมมือกันในภูมิภาค เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานของท่าเรืออีก 11 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ ท่าเรือกรุงเทพยังได้รับการยอมรับว่ามีการบริหารจัดการที่ดี โดยในปี 2556 และ 2557 ที่ผ่านมา ผู้แทนจากการท่าเรือแห่งสหภาพเมียนมาร์ และการท่าเรือฟิลิปปินส์ได้เดินทางมาศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการท่าเรือและการจัดการสินค้าอันตรายของท่าเรือด้วย" เรือโทชำนาญ กล่าวเสริม

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๐ DEK ดิจิทัลมีเดีย SPU บุก Thailand Toy Expo 2024 โชว์ผลงานสุดคูล!
๑๖:๕๘ Zoho ยกระดับแอปพลิเคชันทางธุรกิจ ด้วยการทำงานร่วมกันของ Generative AI และ Low-Code
๑๖:๐๓ Dent Talk : Fresh Up Your Knowledge ไม่รู้.ไม่ได้แล้ววว สำนักวิชาทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้า
๑๘ เม.ย. โรงแรมเชอราตันหัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา ต้อนรับนักหมากรุกรวม 300 คน กว่า 50 ประเทศ ในการแข่งขัน Bangkok Chess Club Open ครั้งที่ 21 ประจำปี
๑๘ เม.ย. 'Water War Chiang Mai 2024' เทศกาลดนตรีใหญ่ที่สุด เปียกสุด! เดือดสุด! จัดเต็มอย่างยิ่งใหญ่ใจกลางเมืองเชียงใหม่
๑๘ เม.ย. TB Media Global จับมือ MQDC จัดกิจกรรมสงกรานต์ The Vibrant Forestias :Sook-San Songkran บนผืนป่าของ The
๑๘ เม.ย. SE Life อาคเนย์ประกันชีวิต รับรางวัลแบรนด์ยอดเยี่ยมประจำปี 2023
๑๘ เม.ย. โรงพยาบาลหัวเฉียว จัดโครงการธรรมโอสถ บรรยายธรรมะเรื่อง สุขในงานเบิกบานในชีวิต
๑๘ เม.ย. หมู่บ้านเกษตรกรรมกำแพงเพชร ต่อยอดความสำเร็จธนาคารน้ำใต้ดิน สร้างความมั่นคงทรัพยากรน้ำ
๑๘ เม.ย. คณะดิจิทัลมีเดีย SPU ขอเชิญร่วมกิจกรรมเสวนา หัวข้อ AI Trends Unlock Limitless Creative Potential in Digital