นางปริษา ปานะนนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการตลาด บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการบริการส่งพัสดุของธุรกิจเอสเอ็มอี (SMEs) และธุรกิจเกิดใหม่ (Start Up) ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันเพิ่มจำนวนสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งแต่ละธุรกิจก็มีความต้องการการขนส่งที่รวดเร็วในระดับที่แตกต่างกัน ทางด้าน ปณท ในฐานะผู้นำด้านการขนส่งอันดับ 1 ของไทย จึงนำเสนอบริการหลากหลายระดับภายใต้แคมเปญ "ส่งด่วนเลือกได้หลายระดับ" เพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจ และยกระดับให้ธุรกิจมีศักยภาพสูงขึ้นในด้านการจัดส่งสินค้าและบริการภายใต้แนวคิด "เครือข่ายไปรษณีย์ไทย... เครือข่ายที่ขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่เวทีโลก" ผ่านบริการต่างๆ อันได้แก่ บริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษอีเอ็มเอส (EMS) บริการอีเอ็มเอสซุปเปอร์สปีด (EMS Super Speed) และบริการส่งด่วนทั่วโลก (EMS World) โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
• บริการไปรษณีย์ด่วนพิเศษในประเทศ (EMS) คือ บริการจัดส่งพัสดุแบบด่วนพิเศษภายในประเทศ ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย ถึงไวภายใน 2 วัน สำหรับพื้นที่เดียวกัน และภายใน 3 วัน สำหรับต่างพื้นที่ โดยรองรับน้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 20 กิโลกรัม ในอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 37 บาทต่อน้ำหนักของไม่เกิน 1 กิโลกรัม
• บริการอีเอ็มเอสซุปเปอร์สปีด (EMS Super Speed) เป็นบริการจัดส่งพัสดุด่วนพิเศษยิ่งขึ้นภายในประเทศที่จะถึงผู้รับภายใน 24 ชั่วโมงหลังการจัดส่งในอัตราค่าบริการ 150 บาทต่อพัสดุที่มีน้ำหนักไม่เกิน 1 กิโลกรัม ซึ่งผู้ฝากต้องระบุหมายเลขโทรศัพท์ของผู้จัดส่งและผู้รับบนจ่าหน้าทุกครั้ง เพื่อเจ้าหน้าที่จะทำการโทรนัดหมายผู้รับ และโทรแจ้งผู้ส่งเมื่อได้ทำการส่งพัสดุเรียบร้อยแล้ว
• บริการส่งด่วนทั่วโลก (EMS World) คือ บริการจัดส่งพัสดุด่วนพิเศษระหว่างประเทศสำหรับพัสดุที่มีน้ำหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม ซึ่งใช้ระยะเวลาในการจัดส่งแตกต่างกันขึ้นอยู่กับระยะทางของที่หมาย โดยใช้เวลา 1-3 วันสำหรับปลายทางในประเทศในแถบเอเชียและยุโรป 2-4 วันสำหรับประเทศในแถบแอฟริกาและโอเชียเนีย และ 2-5 วันสำหรับปลายทางในประเทศอเมริกา สามารถตรวจสอบอัตราค่าบริการล่วงหน้าก่อนจัดส่งได้ที่ เว็บไซต์ http://www.thailandpost.co.th/rate-result.php
อีกทั้งผู้ใช้บริการส่งพัสดุด่วนข้างต้นทั้ง 3 ประเภท สามารถติดตามตรวจสอบสถานะของพัสดุได้ตลอดเวลาผ่านทางเว็บไซต์ http://track.thailandpost.co.th ด้วยการกรอกเลขรหัสพัสดุ 13 หลักที่ปรากฏบนใบเสร็จรับเงิน และทางแอพพลิเคชั่น Track&Trace บนระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) และระบบปฏิบัติการวินโดว์โฟน(Windows Phone) นอกจากนี้ หากผู้ที่ต้องการใช้บริการไปรษณีย์อย่างเร่งด่วน แต่ไม่ทราบว่าตนเองอยู่ใกล้ ณ ที่ทำการฯ ใด สามารถเลือกค้นหาได้ที่แอพฯ โพสต์เลนส์ (Post Lens) บริการช่วยค้นหา พร้อมแสดงเส้นทางการเดินทางแบบกูเกิ้ลแมพ (Google Map) เพียงแค่ส่องกล้องไปรอบๆ บริเวณ ณ ที่อยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการอีกด้วย นางปริษา กล่าวสรุป
ทั้งนี้ ไปรษณีย์ไทย ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการเพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจภายใต้แนวคิด "เครือข่ายไปรษณีย์ไทย... เครือข่ายที่ขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่เวทีโลก" ควบคู่ไปกับการยกระดับมาตรฐานบุคลากร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ THP Contact Center 1545 หรือเว็บไซต์ www.thailandpost.co.th