ผู้จัดงานเปิดเผยว่า ในช่วง 3 วันแรกของงาน ยอดขายของภาคอุตสาหกรรมต่างๆในจีนพุ่งสูงขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสาร ที่มียอดการเซ็นสัญญาเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปี ส่วนอุตสาหกรรมไฮเทคอื่นๆ เช่น เครื่องจักรกลและผลิตภัณฑ์พลังงานทางเลือก ก็มียอดการเซ็นสัญญาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนของจีน ซึ่งในระยะหลังมีการพัฒนาสินค้าอัจฉริยะและระบบอัตโนมัติที่มีดีไซน์ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นภาคส่วนที่ดึงดูดผู้ซื้อได้มากที่สุด โดยยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเพิ่มขึ้นเกือบ 10% เมื่อเทียบรายปี ขณะที่บริษัทหลายแห่ง เช่น Haier, Midea, Hisense และ Galanz ต่างมียอดขายเกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าของจีนมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น อย่างบริษัท Hisense ที่ครองสิทธิบัตรเกี่ยวกับสมาร์ททีวีมากกว่า 170 รายการ
Hisense เป็นหนึ่งในบริษัทจีนมากมายที่เข้าร่วมงานแคนตัน แฟร์ และกำลังมุ่งพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลก ผ่านการยกระดับนวัตกรรม การสร้างแบรนด์ การพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ รวมถึงการใส่ใจในสิ่งแวดล้อม
ส่วนของ International Pavilion ในงานก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยดึงดูดผู้เข้าชมกว่า 90,000 คน ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน ขณะที่มีบริษัทกว่า 600 แห่งจาก 40 ประเทศร่วมจัดแสดง นับว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ โดยผู้จัดแสดงมีทั้งบริษัทชั้นนำระดับโลกและบริษัทชั้นนำของจีนมากมาย เช่น Suning และ Vanguard เป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับนโยบาย "Belt and Road" ของรัฐบาลจีน โดยจำนวนผู้ซื้อจากประเทศในเอเชียใต้ ซาอุดิอาระเบีย และเวียดนามต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้า ขณะเดียวกันผู้ซื้อจากหลายประเทศก็มียอดซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่น ประเทศไทยเพิ่มขึ้นเกือบ 400% ศรีลังกา 103% เซอร์เบีย 97% ฮังการี 44% และจอร์แดน 38%
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.cantonfair.org.cn/en/index.asp