ทั้งนี้ ทุกหน่วยงานของ วธ. มีความสำคัญในเรื่องการวิจัยเพื่อยกระดับให้เป็นงานวิจัยระดับประเทศได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นเรื่องการนำทุนทางวัฒนธรรมมาเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศอีกทางหนึ่ง อาทิ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ (สบศ.) ที่มีงานวิจัยมากมาย และสามารถทำวิจัยเกี่ยวกับท่ารำ หรือการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งที่ผ่านมาบุคลากรของ สบศ. มีบทบาทในเวทีต่างๆมากมาย ก็สามารถวิเคราะห์ถึงความสนใจของประชาชนหรือการสร้างกระแสและกระตุ้นให้ทั่วโลกสนใจวัฒนธรรมไทยมากยิ่งขึ้น หรือแม้แต่เรื่องสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ที่สามารถนำมาเป็นประเด็นการทำวิจัยได้ เพราะขณะนี้มีการหารือกันเรื่องสิทธิของงานสร้างสรรค์ผ่านสื่อต่างๆ ในเวทีระดับยูเนสโกแล้ว ขณะเดียวกัน การขับเคลื่อนงานวิจัยในด้านความเป็นไทยสู่สากลก็มีความสำคัญมาก ซึ่ง วธ. จะเตรียมงบประมาณขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว เนื่องจาก วธ.ได้ผลักดันและดำเนินกิจกรรมเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยสู่นานาประเทศตามนโยบายของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ตนยังได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานในสังกัด วธ. กำหนดกรอบการวิจัยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ทั้งหมด 5 เรื่อง ได้แก่ 1. อุตสาหกรรมวัฒนธรรม ให้มีความคลอบคลุมด้านมูลค่าหรือรายได้จากสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม รวมทั้งมีการรวบรวมข้อมูลและการเก็บสถิติ เพื่อสามารถกำหนดทิศทาง และความเป็นไปได้ของอุตสาหกรรมวัฒนธรรมในภาพรวม และอุตสาหกรรมวัฒนธรรมในด้านทัศนศิลป์ เพื่อศึกษาการสร้างสรรค์ผลงาน การจัดการในแง่ธุรกิจ 2. ข้อมูลเชิงสถิติรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เพื่อนำผลการวิจัยมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานของทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม 3. การวิจัยเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม แก้ไขปัญหาสังคม และการส่งเสริมด้านคุณธรรม จริยธรรม โยเสนองานวิจัยที่สอดคล้องกับการดำเนินงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อการใช้ประโยชน์จากผลการวิจัยต่อไป 4. การวิจัยด้านภาพยนตร์ ควรศึกษาการเปลี่ยนแปลงของภาพยนตร์ เปรียบเทียบกับประเทศเพื่อบ้าน และ5. การวิจัยที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในการเผยแพร่ให้ความรู้แก่นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไปที่ให้ความสนใจนำไปใช้ประโยชน์