พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงพลังงานมีการจัดทำแผนบูรณาการพลังงานชาติ ที่ให้ความสำคัญใน 3 ประเด็นหลักซึ่งประกอบด้วย ด้าน ความมั่นคงทาง ด้านพลังงาน ด้านเศรษฐกิจ และด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้พลังงาน ในภาพรวมของประเทศ เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และการจัดหาพลังงานในอนาคต รวมถึงการพัฒนาพลังงาน ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยแผนดังกล่าวประกอบด้วย 5 แผนยุทธศาสตร์ ได้แก่ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย แผนอนุรักษ์พลังงาน แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก แผนบริหารจัดการ ก๊าซธรรมชาติ และแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนด้านพลังงานในทุกมิติ
สำหรับการจัดประกวด Thailand Energy Awards นับเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เห็นถึงศักยภาพ และคุณภาพของหน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพลังงาน ได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานวงการพลังงานไทยให้เทียบเท่ามาตรฐานสากล ซึ่งหน่วยงานที่ได้รับรางวัลจะเป็นหน่วยงานต้นแบบของการประกอบกิจการที่ดี สำหรับผู้ประกอบการอื่นๆ เพื่อนำไปปรับใช้ อันจะส่งผลดี ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยในปี 2558 นี้ มีการจัดการประกวดเพื่อให้ขยายสู่กลุ่มผู้ใช้พลังงาน ออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ ด้านพลังงานทดแทน ด้านการอนุรักษ์พลังงาน ด้านบุคลากร ด้านพลังงานสร้างสรรค์ และ ด้านผู้ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โดยมีผู้ที่ให้ความสนใจส่งผลงานเข้าประกวดทั้งสิ้น 291 ราย และได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ จากหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกผู้ที่มี ผลงานดีเด่น สมควรแก่การได้รับรางวัล Thailand Energy Awards 2015 ซึ่งผลการตัดสินในปีนี้ มีผู้ได้รับการคัดเลือกให้ได้รับรางวัลรวมทั้งสิ้น 83 รางวัล คิดเป็นมูลค่าผลประหยัดรวมได้มากกว่า 2,500 ล้านบาทต่อปี สามารถช่วยลด ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับโลกได้มากกว่า 360,000 ตันต่อปี
ด้าน นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า Thailand Energy Awards ถือเป็นรางวัลแห่งความภูมิใจ และเป็นสัญลักษณ์ที่จะกระตุ้นเตือนให้หน่วยงานและบุคลากร ได้เห็นความสำคัญของการใช้พลังงานของชาติอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เกิดความตื่นตัวในการอนุรักษ์พลังงาน มีจิตสำนึกการใช้พลังงานอย่างรับผิดชอบ และเกิดการพัฒนาด้านการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น เพื่อให้ลูกหลาน ของเราได้มีพลังงานใช้ในอนาคต ตลอดจนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่องค์กรอื่นๆ ในการร่วมกันสร้างสรรค์พัฒนาพลังงานของประเทศให้มั่นคงต่อไป
นอกจากนี้ พพ. ยังมีแผนดำเนินงานตามแผนบูรณาการพลังงานชาติ ซึ่งยังเป็นเป้าหมายการใช้พลังงานทดแทนเข้มข้นขึ้น 30% ของการใช้พลังงานในขั้นสุดท้ายภายในปี 2579 จากปัจจุบัน (ก.ย. 58) ที่มีการใช้อยู่ประมาณ 12.73% จากแหล่งพลังงานทุกชนิด สำหรับแผนอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งมีการตั้งเป้าหมายลดความเข้มข้น ของการใช้พลังงานลง 30% ภายในปี2579 เมื่อเทียบกับปี 2553 ซึ่งหมายถึงต้องลดการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ให้ได้ทั้งสิ้น 56,142 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ (ktoe) หรือประมาณ 65,125 ล้านลิตร ของปริมาณการใช้พลังงานขั้นสุดท้ายทั้งหมดของประเทศซึ่งมีค่าพยากรณ์ในปี พ.ศ.2579 อยู่ที่ระดับ 187,142 พันตันเทียบเท่าน้ำมันดิบ (ktoe) หรือประมาณ217,085 ล้านลิตร ดังนั้น หากประเทศไทยมีการ บูรณาการด้านพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ก็จะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถเดินหน้าด้านพลังงาน ได้อย่างเป็นระบบและเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ทั้งนี้ พพ. ยังมีแผนที่จะดำเนินการในโครงการต่างๆ อาทิ การส่งเสริม สนับสนุนการจัดการขยะโดยแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงขยะ RDF, สนับสนุนการนำน้ำเสีย/ของเสียมาผลิตก๊าซชีวภาพใช้เองหรือจำหน่าย, การกำหนด Building Code สำหรับอาคารที่จะสร้างใหม่, ส่งเสริมการใช้ B10, B20 ทั้งภาคขนส่งและอุตสาหกรรม, สนับสนุนการซื้อขายไฟฟ้าด้วยวิธีการประมูลแข่งขัน (Competitive bidding), การลงทุนอนุรักษ์พลังงานและ/หรือพลังงานทดแทน โดยระบบ ESCO (Energy Service Company), การจัดการโรงงานและอาคารควบคุม, กำหนดเกณฑ์มาตรฐานอาคาร, มาตรการอนุรักษ์พลังงานภาคขนส่ง, ส่งเสริมการใช้แสงสว่างเพื่ออนุรักษ์พลังงาน, กำหนดเกณฑ์มาตรฐานและติดฉลากอุปกรณ์ เป็นต้น