นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สารวัตรปศุสัตว์ ของกรมปศุสัตว์ ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม เจ้าหน้าที่ทหารกรมการสัตว์ทหารบก และปศุสัตว์เขต 7 ลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม ตรวจสอบการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดงซึ่งเป็นการขยายผลต่อเนื่องจากการตรวจในโรงฆ่าเมื่อครั้งที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้เข้าตรวจปัสสาวะสุกรในฟาร์มขนาดใหญ่ ความจุสุกรขุน 10,000 ตัว ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสุกร ขณะเดียวกันการตรวจสอบปัสสาวะสุกรในโรงฆ่าอีก 2 แห่ง เบื้องต้นตรวจพบการปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดงเช่นเดียวกัน ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการลักลอบใช้สารดังกล่าวในการเลี้ยงจริง จึงได้กักสุกรในฟาร์มและโรงฆ่าไม่ให้นำออกจำหน่ายหากผลตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ กรมปศุสัตว์จะแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของฟาร์มสุกรดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 มาตรา6(4) ห้ามผสมวัตถุต้องห้ามใดๆลงในอาหารสัตว์มีโทษตามมาตรา 71 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และเดินหน้าขยายผลการปราบปรามทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้นำไปใช้"การปราบปรามการลักลอบใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างต่อเนื่องทั้งประเทศนี้ อยู่ภายใต้ยุทธการ "สินค้าเกษตรปลอดภัย" ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้อุตสาหกรรมเลี้ยงสุกรของไทยปลอดภัยไร้สารเร่งเนื้อแดง100% เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับอาหารปลอดภัย ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร มุ่งส่งออกกระตุ้นเศรษฐกิจไทย" นายธีรภัทร กล่าวสำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นไปตามมาตรการบังคับใช้กฎหมายกรมปศุสัตว์ นำทีมโดย นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ และนายสัตวแพทย์ประวัติ รัตนภุมมะ ผู้ช่วยอธิบดีกรมปศุสัตว์ นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ ผอ.สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ พร้อมเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ตำรวจ และทหาร ร่วมกันเข้าตรวจค้นฟาร์มเลี้ยงสุกรตามหมายศาล ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม
ทั้งนี้ ในรอบปีที่ผ่านมากรมปศุสัตว์ โดยปศุสัตว์เขต 7 ได้ดำเนินการปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงอย่างต่อเนื่อง มีผลงานจับกุมทั้งสารตั้งต้นสำหรับผลิตสารเร่งเนื้อแดง มูลค่าไม่น้อยกว่า 40 ล้านบาท รวมถึงยาสัตว์ที่ผิดกฎหมายอีกหลายรายการ