เมอร์ค เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Lynx(R) CDR ในงาน INTERPHEX 2016

พุธ ๒๗ เมษายน ๒๐๑๖ ๐๘:๑๖
- Lynx(R) CDR คือหัวต่อสายส่งของเหลวปลอดเชื้อชนิดใช้แล้วทิ้งแบบใช้ได้หลายครั้ง โดยสามารถใช้ต่อสาย ต่อซ้ำ และถอดหัวต่อออกได้แม้สายส่งของเหลวมีความเปียกชื้นและมีแรงดัน

- ช่วยให้การถ่ายเทของเหลวในอุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์เป็นไปอย่างรวดเร็วและประหยัดยิ่งขึ้น

เมอร์ค (Merck) บริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Lynx(R) CDR ซึ่งเป็นหัวต่อสายส่งของเหลวปลอดเชื้อชนิดใช้แล้วทิ้งแบบใช้ได้หลายครั้ง ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายเทของเหลวในอุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่งาน International Pharmaceutical Expo (INTERPHEX) ซึ่งจัดขึ้นที่มหานครนิวยอร์ก ระหว่างวันที่ 26-28 เมษายนนี้

รูปภาพ - http://photos.prnewswire.com/prnh/20160421/358559

"หัวต่อ Lynx(R) CDR จะพลิกโฉมการถ่ายเทของเหลวในอุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการผลิตยาลงได้" อูดิท บาทรา ซีอีโอของ ธุรกิจชีววิทยาศาสตร์ของเมอร์ค กล่าว "หัวต่อ Lynx(R) CDR สร้างมาตรฐานใหม่ของการต่อสายส่งของเหลวปลอดเชื้อ เพราะใช้งานได้อย่างง่ายดายและมีความน่าเชื่อถือสูง"

การต่อสายส่งของเหลวปลอดเชื้ออย่างง่ายดายและน่าเชื่อถือนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการผลิตยาชีวภาพ หัวต่อสายส่งของเหลวแบบใช้แล้วทิ้งรุ่นก่อนๆสามารถใช้ได้แค่ครั้งเดียว ทำให้ต้องใช้หัวต่อหลายตัว นอกจากนี้ สายต่อยังต้องแห้งและไม่มีแรงดันจึงจะต่อหรือถอดหัวต่อได้ ข้อจำกัดเหล่านี้ทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรและต้นทุนอย่างมาก ในขณะที่ผู้ผลิตจำเป็นต้องยกระดับผลิตภาพและประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนของการผลิตยา ในจุดนี้ หัวต่อ Lynx(R) CDR จะช่วยให้การถ่ายเทของเหลวเป็นไปอย่างรวดเร็วและประหยัดต้นทุนยิ่งขึ้น แม้สายส่งของเหลวจะมีความเปียกชื้นและมีแรงดันก็ตาม

Lynx(R) CDR ช่วยให้ถ่ายเทของเหลวได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดเชื้อ ทั้งในขั้นตอนของการต่อสาย ต่อซ้ำ และถอดหัวต่อออก นับเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยเมื่อเทียบกับการต่อท่อแบบปกติที่ใช้เวลานาน และเมื่อเทียบกับท่อร่วมที่นิยมใช้ในกระบวนการต้นน้ำและปลายน้ำซึ่งมีต้นทุนสูง โดยหัวต่อรุ่นนี้ใช้ซ้ำได้สูงสุดถึง 6 ครั้ง

ผู้ที่สนใจสามารถเยี่ยมชมบูธหมายเลข #2841 ของเมอร์คในงาน INTERPHEX เพื่อสัมผัสกับผลิตภัณฑ์ต่างๆของเมอร์ค รวมทั้งร่วมพูดคุยกับคณะผู้เชี่ยวชาญของทางบริษัท และสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ทางทวิตเตอร์ @merckgroup

เกี่ยวกับเมอร์ค

เมอร์ค คือบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำในด้านการดูแลสุขภาพ ชีววิทยาศาสตร์ และเพอร์ฟอร์แม้นซ์ แมททิเรียล พนักงานราว 50,000 คนของบริษัทได้ร่วมกันพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆที่ช่วยปรับปรุงและยกระดับคุณภาพชีวิต ตั้งแต่ยาชีวภาพเพื่อรักษาโรคมะเร็งหรือโรคปลอกประสาทอักเสบ ระบบที่ทันสมัยสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการผลิต ไปจนถึงจอแอลซีดีสำหรับสมาร์ทโฟนและโทรทัศน์ ทั้งนี้ ในปี 2558 เมอร์คสามารถทำยอดขายได้ 1.285 หมื่นล้านยูโร ใน 66 ประเทศ

เมอร์คก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2211 จึงเป็นบริษัทเภสัชภัณฑ์และเคมีที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ครอบครัวผู้ก่อตั้งบริษัทยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทเมอร์คในดาร์มสตัดท์ ประเทศเยอรมนี ครอบครองสิทธิ์ในชื่อและแบรนด์เมอร์คทั่วโลก ยกเว้นในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจในชื่อ อีเอ็มดี โซโรโน่, มิลลิพอร์ซิกม่า และอีเอ็มดี เพอร์ฟอร์แม้นซ์ แมททิเรียล

ข่าวประชาสัมพันธ์ของเมอร์คทั้งหมดได้รับการเผยแพร่ผ่านทางอีเมลในช่วงเวลาเดียวกับที่มีการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของเมอร์ค กรุณาคลิกที่ www.merckgroup.com/subscribe เพื่อลงทะเบียนออนไลน์ เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกบริการนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4