มจธ.จับมือ 4 หน่วยงาน ร่วมเดินหน้าขับเคลื่อนเทคโนโลยีสีเขียว ผลักดันการส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

จันทร์ ๑๖ พฤษภาคม ๒๐๑๖ ๑๒:๕๕
"โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมการผลิตและใช้จักรยานไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในประเทศไทย" เป็นความร่วมมือของ 4 หน่วยงาน ระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.), มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สนับสนุนโดยโครงการร่วมสนับสนุนวิจัยและพัฒนา กฟผ.และ สวทช. มีระยะเวลาในการดำเนินโครงการ 18 เดือน ( ตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2557 – พฤษภาคม 2559 ) ล่าสุดได้มีการจัดประชุมสัมมนาเผยแพร่ผลการศึกษาโครงการฯขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมจำรัส ฉายะพงศ์ มจธ.

รศ.ดร.ศักรินทร์ ภูมิรัตน อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวเปิดงานว่า มจธ.ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เห็นได้จากการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ "KMUTT Sustainability Strategic Plan 2010 – 2020" ซึ่งในด้านการคมนาคมขนส่งมีเป้าหมายที่จะมุ่งเน้นการลดการปลดปล่อยมลพิษภายในมหาวิทยาลัย ดังนั้น โครงการนี้ถือเป็นโครงการฯ ที่มีประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัย สังคมและต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง ในการส่งเสริมการผลิตและการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ซึ่งไม่มีการปลดปล่อยมลพิษ และยังเป็นต้นแบบให้เห็นถึงประโยชน์ในการหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้า

คุณภัทรพงศ์ เทพา ผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารงานวิจัยและพัฒนา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งเสริมการผลิตและใช้จักรยานไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในประเทศไทยนี้ จะมีส่วนช่วยลดการใช้พลังงานที่เป็นสาเหตุของการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นปัญหาสำคัญของโลกและโครงการฯ ยังได้ศึกษาถึงผลกระทบต่อการใช้ไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่ กฟผ.จะต้องตอบสังคมให้ได้ว่า เมื่อมีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น การผลิตไฟฟ้าจะเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ และการไฟฟ้าฯ ได้มีการเตรียมความพร้อมเรื่องนี้ไว้อย่างไรบ้าง ดังนั้น ผลการศึกษาโครงการนี้ จะเป็นหนึ่งในคำตอบที่ให้กับ กฟผ.ในการวางแผนการจัดการการใช้ไฟฟ้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงมากขึ้น และหวังว่าผลการศึกษาจะช่วยให้หันมาตระหนักถึงสิ่งสำคัญด้านปัญหามลพิษและความมั่นคงด้านพลังงาน รวมถึงหันมาใช้จักรยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กเพิ่มมากขึ้น

รศ.ดร.ธำรงรัตน์ มุ่งเจริญ ประธานคลัสเตอร์พลังงานและสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า จากมติ ครม.เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบแผนมุ่งเป้าด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ พร้อมกำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมการผลิต ประกอบ และพัฒนาพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2564 เพื่อส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค โดยแผนฯ ดังกล่าวมุ่งเน้นให้มีการพัฒนาเทคโนโลยีและทดลองใช้จริงให้ได้ แบ่งเป็น 4 แผนงานวิจัย คือ 1) ด้านแบตเตอรี่และระบบจัดการพลังงาน 2) ด้านมอเตอร์และระบบ

ขับเคลื่อน 3) ด้านโครงสร้างน้ำหนักเบาและการประกอบ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักรถเบาลง และ 4) ด้านการพัฒนานโยบาย มาตรฐาน และบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผลการศึกษาโครงการนี้ ก็จะสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล และถือว่าเป็นการระดมสมองช่วยกันคิด ช่วยกันปรับปรุงพัฒนารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังจะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปรู้จักและหันมาใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและมีการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กซึ่งยังไม่เป็นที่รู้จักให้แพร่หลายเพิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับเกียรติจากคุณวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ กล่าวถึง"สถานการณ์อุตสาหกรรมจักรยานยนต์ไทยและแนวโน้มการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้า" ว่า ประเทศในเอเชียนิยมใช้รถจักรยานยนต์ถึงกว่าร้อยละ 90 ของการใช้รถจักรยานยนต์ของโลก และประเทศที่มีการผลิตจักรยานยนต์มากที่สุดในเอเชีย คือ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทยตามลำดับ โดยเฉพาะจีนแม้จะมีปริมาณความต้องการใช้ในประเทศค่อนข้างมาก แต่การผลิตส่วนใหญ่เน้นการส่งออกเป็นหลัก แต่ล่าสุดจีนมีนโยบายที่จะลดปริมาณการใช้จักรยานยนต์ที่ไม่ใช้ไฟฟ้าลง เพราะจีนมีปัญหาเรื่องของมลภาวะ และหันมาสนับสนุนมาตรการที่เกี่ยวกับจักรยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น กลับกันประเทศไทยซึ่งเป็นฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ทุกค่ายทั้งจากค่ายญี่ปุ่นและค่ายยุโรป สามารถผลิตรถจักรยานยนต์ได้ปีละ 2 ล้านคัน ส่วนใหญ่ใช้เองในประเทศกว่า 1.6 ล้านคันต่อปี ขณะที่ส่งออกรถจักรยานยนต์เพียง 4-5 แสนคันต่อปี แต่ในช่วง 2- 3 ปีที่ผ่านมาไทยเริ่มมีการส่งออกรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเริ่มเป็นที่นิยมและไทยยังเป็นฐานในการส่งออกบิ๊กไบค์ในภูมิภาค จึงมองว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพในการเป็นผู้ผลิตจักรยานยนต์และยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก แม้ยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในไทยขณะนี้จะมีปริมาณลดลง แต่แนวโน้มการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้ามาแน่ ดังนั้นภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรส่งเสริมมาตรการที่จะให้เกิดการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น เรื่องของนโยบายสนับสนุน มาตรการด้านภาษีเพื่อจูงใจ รวมถึงการกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยและมาตรฐานของชิ้นส่วนต่างๆ

ผศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า ในฐานะหัวหน้าโครงการฯ จาก มจธ. กล่าวว่า ประเทศไทยมีรถจักรยานยนต์ 20 ล้านคัน แต่มีรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไม่ถึง 10,000 คัน อีกทั้งยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กยังไม่มีการใช้งานในประเทศไทย และไม่มีนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐที่ชัดเจน ซึ่งทีมวิจัยได้มองเห็นข้อดีในการส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าด้วยรูปแบบการใช้พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คำถามที่สำคัญของทีมวิจัยคือทำไมเทคโนโลยีใหม่ที่ดีเช่นนี้จึงไม่เป็นที่แพร่หลายในประเทศไทย โครงการนี้ จึงเป็นการศึกษา รวบรวมข้อมูลจากการทดสอบจริงโดยผู้บริโภค และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย พร้อมมาตรการต่างๆ เพื่อเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งจากการประเมินภาพรวมเทคโนโลยีของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ นักวิจัยโครงการฯ กล่าวว่า จากผลการทดสอบตามมาตรฐานจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่มีขายอยู่ในปัจจุบัน มีระยะทางการวิ่งและความเร็วต่ำกว่าค่าที่ผู้ผลิตกำหนดค่อนข้างมากด้วยข้อจำกัดตัวแบตเตอรี่และการออกแบบตัวรถเป็นหลัก จึงได้เสนอแนวทางการออกแบบโครงสร้างใหม่เพื่อให้ได้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ใกล้เคียงกับความต้องการของผู้บริโภค

ด้านการประเมินพฤติกรรมการใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้า ดร.ปิยธิดา ไตรนุรักษ์ นักวิจัยโครงการฯ กล่าวว่า มุมมองของผู้ใช้รถจักรยานยนต์เห็นว่าการออกตัว ระยะเวลาการประจุไฟ และระยะทางที่วิ่งได้ต่อการประจุไฟหนึ่งครั้ง ยังเป็นประเด็นที่ต้องปรับปรุงแก้ไขสำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่เห็นว่าหากมีการพัฒนาในเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้นานขึ้น การทำให้สามารถวิ่งในระยะทางที่ไกลขึ้นต่อการประจุไฟแต่ละครั้ง รวมถึงการพัฒนาระบบประจุไฟฟ้าเร็ว (Quick charging) ที่ทำให้ระยะเวลาประจุไฟสั้นลง จะทำให้เกิดการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากข้อได้เปรียบในเรื่องค่าใช้จ่ายต่อระยะทางของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่น้อยกว่า 20 สตางค์ต่อกิโลเมตร เมื่อคำนวณจากอัตราค่าไฟฟ้าในปัจจุบัน

ขณะที่การประเมินผลกระทบทางด้านเศรษฐศาสตร์ พลังงาน และสิ่งแวดล้อมนั้น ดร.นุวงศ์ ชลคุป นักวิจัยโครงการฯ จากศูนย์เทคโนโลยีและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) สวทช. กล่าวว่า เมื่อมีการคาดการณ์การขยายตัวของเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้ารถโดยสารไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต พบว่า ภายในปี 2579 สามารถลดการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลสะสมได้ถึง 4 แสนล้านบาทและลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมได้กว่า 90 ล้านตันของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าโดยมีความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ในกรณีที่ไม่มียานยนต์ไฟฟ้าเพียง 2% เท่านั้น

ทั้งนี้ ผศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล หัวหน้าโครงการ ยังได้กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า การจัดงานในครั้งนี้จะทำให้ได้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการส่งเสริมให้เกิดการใช้และการผลิตจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่สมบูรณ์มากขึ้นและภาครัฐที่เกี่ยวข้องและเอกชนที่สนใจสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๐๑ ALLY ผนึก Mural ลงทุนซื้อหุ้นสมาคมมวยปล้ำสเปน หวังผลักดันมวยปล้ำสเปนขึ้นแท่นลีกหลักในยุโรปและลาตินอเมริกา
๑๖:๓๙ โอกาสจองซื้อหุ้นกู้บริษัทชั้นนำ ช.การช่าง เสนอขายช่วงวันที่ 25 - 29 เมษายน 2567 ชูผลตอบแทน 3.40 - 4.10% ต่อปี อันดับความน่าเชื่อถือ A- ติดต่อผ่าน ธ.กรุงเทพ และ ธ.กรุงไทย
๑๖:๕๔ บางจากฯ สนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาเยาวชนในทักษะแห่งอนาคต ผ่านโครงการ SI Sphere: Sustainable Intelligence-based Society Sphere โดย UN Global Compact Network
๑๕:๑๓ เปิดไลน์อัพ 10 ศิลปินหน้าใหม่มาแรงแห่งปีจาก Spotify RADAR Thailand 2024
๑๕:๐๘ อาร์เอส กรุ๊ป เดินหน้ากลยุทธ์ Star Commerce ยกทัพศิลปิน-ดารา เป็นเจ้าของแบรนด์ และดันยอดขายด้วย Affiliate Marketing ประเดิมส่งศิลปินตัวแม่ ใบเตย อาร์สยาม
๑๕:๒๐ กสิกรไทยผนึกกำลังเจพีมอร์แกน เปิดตัวโปรเจกต์คารินา ดึงศักยภาพบล็อกเชน ลดระยะเวลาธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ
๑๕:๐๖ สเก็ตเชอร์ส จัดกิจกรรม SKECHERS PICKLEBALL WORKSHOP ส่งเสริมสุขภาพและขยายคอมมูนิตี้กีฬา Pickleball ในไทย
๑๕:๕๖ SHIELD จับมือแอสเซนด์ มันนี่ และ Money20/20 Asia จัดกิจกรรมระดมเงินบริจาคแก่มูลนิธิรามาธิบดี
๑๕:๔๓ 'ASW' เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ 4 คอนโดฯ ใหม่ ไตรมาส 2 ครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ และภูเก็ตมูลค่ารวมกว่า 6,600 ล้านบาท
๑๕:๔๑ โก โฮลเซลล์ สนับสนุนเกษตรกรไทย ปูพรมจำหน่ายผลไม้ฤดูกาล สดจากสวนส่งตรงถึงมือคุณ