ด้านนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กระบวนการรับรองมาตรฐาน GAP และเกษตรอินทรีย์ หรือออร์แกนิก กระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เป็นไปตามหลักสากล โดยมาตรฐาน GAP รับผิดชอบโดยกรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร ส่วนมาตรฐาน Organic รับผิดชอบโดยกรมวิชาการเกษตร และสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ซึ่งทั้ง 2 มาตรฐานดังกล่าว จะตรวจสอบและประเมินอย่างละเอียดตามข้อกำหนดในแปลงเกษตรกรอย่างน้อย 2-3 ครั้ง ตั้งแต่ปลูกจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต ตลอดจนการตรวจสอบการใช้สารเคมีของเกษตรกร และการบันทึกข้อมูลต่างๆ ก่อนที่จะออกใบรับรองมาตรฐาน GAP และอนุญาตให้ใช้เครื่องหมาย Q ติดบนตัวสินค้า และมีการตรวจติดตามโดยเจ้าหน้าที่จะติดตามตรวจประเมินแปลง GAP ทุกปี และเกษตรกรต้องยื่นขอรับการตรวจต่ออายุใบรับรองใหม่เมื่อใบรับรองเดิมใกล้หมดอายุ
สำหรับการสุ่มตรวจสินค้า Q ในปี 2559 ที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตร ได้สุ่มเก็บตัวอย่างสินค้าพืชมาตรวจวิเคราะห์สารตกค้าง ซึ่งได้ตรวจวิเคราะห์ไปแล้วกว่า 3,500 ตัวอย่าง เป็นสินค้า Q ประมาณ 1,500 ตัวอย่าง พบว่ามีเพียง 4 ตัวอย่าง คิดเป็นน้อยกว่า 1 % ที่มีสารตกค้างเกินค่ามาตรฐาน ทั้งนี้ กรมวิชาการเกษตรได้ดำเนินการยับยั้งการส่งออก และยกเลิกใบอนุญาตไปแล้ว อย่างไรก็ตามขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการรับรองของกระทรวงเกษตรฯ และมั่นใจในคุณภาพของสินค้า Q ว่ามีความปลอดภัยสูง นายสมชาย กล่าว