กพร. รุกไอเดียเหมืองแร่รักษ์โลก เปิดโครงการ CSR-DPIM นำร่อง เหมือง 71 แห่งทั่วไทย

ศุกร์ ๐๓ มิถุนายน ๒๐๑๖ ๑๐:๔๘
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) จัด "โครงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐานนำเกณฑ์มาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR-DPIM) ไปประยุกต์ใช้ในสถานประกอบการ ปี 2559" โดยจัดต่อเนื่องขึ้นเป็นปีที่ 7 โครงการ CSR-DPIM เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ใช้ในการสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแร่ ให้มีแนวทางการดำเนินธุรกิจตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้ เนื่องจากมาตรฐาน CSR-DPIM นั้นสอดคล้องตามมาตรฐานสากล ISO 26000 ครอบคลุมแนวปฏิบัติ 7 หัวข้อหลักด้วยกัน คือ การกำกับดูแลองค์กร สิทธิมนุษยชน การปฏิบัติด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม การปฏิบัติที่เป็นธรรม ผู้ใช้แร่ และการมีส่วนร่วมกับสังคมและชุมชน ตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา (2553-2558) มีผู้ประกอบอุตสาหกรรมแร่ได้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถประยุกต์นำมาตรฐาน CSR-DPIM ในสถานประกอบการของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำนวน 71 แห่ง โดยในปี 2559 กพร.ตั้งเป้าขยายผลสถานประกอบการเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 10 แห่ง

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม พระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทร. 02 202 3555 หรือเว็บไซต์ www.dpim.go.th

นายชาติ หงส์เทียมจันทร์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ได้จัด "โครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมแร่ให้มีมาตรฐานสากลเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR-DPIM)" ประจำปี 2559 ขึ้น เพื่อสอดรับกับยุทธศาสตร์ในการผลักดันและส่งเสริมให้สถานประกอบการอุตสาหกรรมแร่มีความรับผิดชอบต่อสังคมเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังต้องการให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแร่สามารถประกอบการอย่างต่อเนื่องและอยู่ร่วมกับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ ตลอดจนสร้างความเข้าใจและก่อให้เกิดการยอมรับในความจำเป็นของการนำทรัพยากรแร่มาใช้ประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลให้ผลิตและใช้แร่ได้อย่างยั่งยืนก่อให้เกิดความมั่นคงในอุตสาหกรรมแร่ในระยะยาวต่อไป อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาตลอดการดำเนินโครงการฯ มีสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ และได้รับการส่งเสริมให้สามารถนำมาตรฐานสากลเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคมไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้แล้วจำนวน 71 แห่ง และในปี 2559 นี้ กพร. ตั้งเป้าส่งเสริมสถานประกอบการให้สามารถนำมาตรฐานดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ในองค์กรได้เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 10 แห่ง

โดยรายละเอียดของโครงการดังกล่าว ได้กำหนดมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อสังคม ประกอบด้วย 7 หัวข้อหลัก ได้แก่ การกำกับดูแลองค์กร หลักสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติด้านแรงงาน ด้านสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานอย่างเป็นธรรม ประเด็นผู้บริโภค การมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน โดยทั้ง 7 หลักดังกล่าวสามารถพิจารณาจากหลายองค์ประกอบ อาทิ ผู้ประกอบการมีความรับผิดชอบต่อสังคมเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ประกอบการมีการกำหนดแนวทางปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน หลีกเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์ แก้ไขข้อร้องเรียน รวมถึงให้ความเป็นธรรมแก่ลูกจ้าง ผู้ประกอบการควรมีการจ้างงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ประกอบการมีการพัฒนาและปรับปรุงระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กร เพื่อลดผลกระทบจากมลพิษ ผู้ประกอบการมีการส่งเสริมการต่อต้านการคอร์รัปชั่น การแข่งขันอย่างเป็นธรรม ฯลฯ

นายชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า กพร. ได้จัดตั้งเครือข่าย CSR-DPIM เพื่อเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งและส่งเสริมการขยายผลความร่วมมือในระดับเครือข่ายของสถานประกอบการอุตสาหกรรมแร่ ผ่านการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ (Group Training) เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมใหม่ๆ จากเวทีแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ และการจัดศึกษาดูงานนอกสถานที่ ตลอดจนการขยายผลการดำเนินงานร่วมกับชุมชน โดยในปี 2558 นี้มีสถานประกอบการ CSR-DPIM จำนวน 10 แห่ง มีการปฏิบัติสอดคล้องตามเกณฑ์การทวนสอบมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแร่ (CSR-DPIM) และมีสถานประกอบการเครือข่าย CSR-DPIM จำนวน 41 แห่ง จาก 48 แห่งทั่วประเทศ ที่มีการปฏิบัติสอดคล้องตามเกณฑ์การทวนสอบรายงาน (Self Assessment Report)มาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแร่ (CSR-DPIM)

สำหรับอุตสาหกรรมเหมืองแร่เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยในฐานะที่เป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำที่มีความสำคัญมากสำหรับภาคการผลิต โดยผลผลิตจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่กว่าร้อยละ 70 ถูกใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมต่อเนื่องอื่นๆภายในประเทศ สร้างมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านบาทต่อปี ในขณะเดียวกันอุตสาหกรรมเหมืองแร่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ทั้งในแง่ของการเป็นอุตสาหกรรมที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ ซึ่งหากไม่มีการกำกับดูแลที่ดีจะส่งผลกระทบต่อชุมชน สร้างความวิตกกังวลของชุมชนโดยรอบ โดยการแก้ไขปัญหานอกจากจะต้องกำกับดูแลการประกอบการให้เกิดความปลอดภัย สร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะต้องสร้างความตระหนักและยอมรับการประกอบการเหมืองแร่ให้แก่ชุมชนในพื้นที่ รวมทั้งยังจะต้องส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังและให้ชุมชนได้รับความคุ้มครองและได้รับประโยชน์จากการประกอบการในพื้นที่อีกด้วย นายชาติ กล่าวสรุป

สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม พระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทร. 02 202 3555 หรือเว็บไซต์ www.dpim.go.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest