เลขาสพฉ. ห่วงพระสงฆ์เจ็บป่วยฉุกเฉิน ระบุปีที่ผ่านมีพระสงฆ์เข้ารับการรักษาด้วยอาการอ่อนเพลีย อัมพาตเรื้อรังสูงสุด แนะประชาชนทำบุญตักบาตรด้วยอาหารเพื่อสุขภาพ ลดหวาน-มัน-เค็ม ป้องกันภาวะเสี่ยงเกิดโรคฉุกเฉิน

พฤหัส ๐๙ มิถุนายน ๒๐๑๖ ๑๕:๓๓
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า เนื่องในวันวิสาขบูชา ประชาชนส่วนใหญ่จะนิยมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองและครอบครัว แต่บางส่วนอาจจะไม่ได้คำนึงถึงเมนูที่นำมาใส่บาตร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพพระสงฆ์ได้ ส่งผลทำให้พระสงฆ์มีสถิติเจ็บป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ อาทิ โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฉุกเฉิน ทั้งโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

โดยในปีที่ผ่านมา มีพระสงฆ์เข้ารับการรักษาด้วยอาการฉุกเฉิน ผ่านสายด่วน 1669 ด้วยอาการป่วย อ่อนเพลีย อัมพาตเรื้อรัง มากที่สุด 254 ราย รองลงมาคือ หายใจลำบาก หายใจติดขัด 132 ราย และ ปวดท้อง ปวดหลัง ปวดเชิงกรานและขาหนีบ 114 ราย

เลขาธิการ สพฉ. กล่าวต่อว่า สำหรับพระสงฆ์ที่มีอาการฉุกเฉินวิกฤติ จะสังเกตได้จากระดับการรู้สติเปลี่ยนแปลงไป ไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้น มีระบบหายใจวิกฤติ อาทิ ต้องลุกนั่ง พิงผนัง หรือยืนเพื่อให้หายใจได้ พูดได้เพียงประโยคสั้นๆ ออกเสียงไม่ได้ หายใจมีเสียงดังผิดปกติ หายใจเร็วและแรง หรือมีอาการสำลักอุดทางเดินหายใจร่วมกับมีอาการเขียวคล้ำ ส่วนระบบไหลเวียนเลือดนั้นอาจมีอาการผิดปกติ เหงื่อแตกท่วมตัว หมดสติ ซึ่งหากพระสงฆ์มีอาการเข้าข่าย บุคคลใกล้ชิดควรรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์

ส่วนพระสงฆ์ที่เข้าข่ายเป็นโรคหัวใจ สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้คือ จุกเสียดแน่นตรงกลางหน้าอก อึดอัด หายใจไม่สะดวกเหมือนมีอะไรมีบีบรัด หรือกดทับ อาจปวดร้าวไปที่คอ แขนซ้าย หรือกราม ร่วมกับอาการคลื่นไส้ เหงื่อออกท่วมตัว ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่ออกกำลังกาย หรือทำงานหนักๆ แต่ถ้าหลอดเลือดหัวใจตีบมาก อาการแน่นหน้าอกอาจรุนแรง และอาการไม่ดีขึ้น แม้หยุดพักจนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หรือหัวใจอาจหยุดเต้นอย่างกะทันหันได้ ซึ่งการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหัวใจหรือหัวใจหยุดเต้นที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด คือการใช้เครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจชนิดอัตโนมัติ หรือ เออีดี ที่ขณะนี้ สพฉ. ได้รณรงค์ให้มีการติดตั้งในพื้นที่สาธารณะเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่แล้ว ซึ่งต้องทำสลับกับการช่วยเหลือฟื้นคืนชีพผู้ป่วย ซึ่งหากทำได้เร็วผู้ป่วยฉุกเฉินก็จะมีโอกาสรอดมากยิ่งขึ้น

"ดังนั้นเพื่อการช่วยกันดูแลสุขภาพและป้องกันโรคของพระภิกษุ สิ่งสำคัญประการแรก คือ ประชาชนควรคำนึงถึงอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเลือกแต่อาหารที่มีประโยชน์ ไม่มีรสเค็มจัด หวานจัด หรือมันจัด และเน้นอาหารที่มีผักมาก ๆ นอกจากนี้จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด อากาศแปรปรวน ควรเลือกซื้ออาหารที่ ปรุงสุก ใหม่ด้วย เพื่อความปลอดภัย และที่สำคัญที่สุดหากพระสงฆ์ที่มีโรคประจำตัวดังกล่าว และมีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี" เลขาธิการ สพฉ. กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest