ผลวิจัยจากสถาบันสวิสเผยเกษตรอินทรีย์ให้ผลดีกว่าเกษตรดั้งเดิมในเขตร้อน

ศุกร์ ๐๘ กรกฎาคม ๒๐๑๖ ๐๘:๒๖
การศึกษาระยะยาวของสถาบันวิจัยเกษตรอินทรีย์สวิตเซอร์แลนด์ (FiBL) ในประเทศเคนยา แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เกษตรอินทรีย์ไม่เพียงให้ผลผลิตที่เทียบเคียงได้กับการทำเกษตรแบบดั้งเดิมเท่านั้น แต่ยังสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากกว่าด้วย

การศึกษาระยะเวลา 10 ปีในเมือง Thika และ Chuka ซึ่งทางสถาบันฯ ได้จัดทำร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นมาตั้งแต่ปี 2550 นั้น ขัดแย้งกับความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า การทำเกษตรอินทรีย์ต้องใช้พื้นที่มากกว่าเพื่อให้ได้ผลผลิตที่เท่ากัน ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าการทำเกษตรอินทรีย์มีต้นทุนน้อยกว่า แต่สามารถขายผลผลิตได้ราคาดีกว่า โดยเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบอินทรีย์จะเริ่มมีรายได้สูงกว่าเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบดั้งเดิมหลังทำการเพาะปลูกไปได้ 5 ปี และในปีที่ 6 จะมีรายได้มากกว่าเกษตรกรที่ทำการเกษตรแบบดั้งเดิมถึง 63%

(โลโก้: http://photos.prnewswire.com/prnh/20160624/383319LOGO )

ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งจากการศึกษาครั้งนี้คือ ดินที่ใช้ทำการเกษตรแบบอินทรีย์จะมีความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น นอกจากนี้ การที่ระบบเกษตรอินทรีย์ไม่ใช้สารเคมีใด ๆ ยังส่งผลดีทั้งต่อระบบนิเวศและสุขภาพของประชาชน เนื่องจากไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตราย

การศึกษาคู่ขนานเรื่องการผลิตฝ้ายในประเทศอินเดีย และการผลิตกาแฟในประเทศโบลิเวีย เผยให้เห็นผลลัพธ์เชิงบวกที่เหมือนกันจากการใช้วิธีเกษตรอินทรีย์ โดยการเปรียบเทียบระบบเกษตรกรรมเขตร้อนในระยะยาว (SysCom) นั้นมุ่งหาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของการทำเกษตรอินทรีย์เทียบกับการทำเกษตรแบบดั้งเดิม และมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการพัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์ในการส่งเสริมการใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน ทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และนานาชาติ

การศึกษายังแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าวิธีทำการเกษตรแบบอินทรีย์เป็นยุทธศาสตร์ที่สามารถปฏิบัติได้จริงในเขตร้อน ที่ซึ่งการเผยแพร่ความรู้และการฝึกอบรมการทำเกษตรอินทรีย์เป็นหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญ ทั้งนี้ การเผยแพร่ความรู้ถือเป็นเรื่องหลักที่ Biovision Foundation ได้พยายามผลักดันมาโดยตลอด เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรรายย่อยในแอฟริกาตะวันออกปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของตนให้ดีขึ้น โดยทางมูลนิธิฯ ได้ให้การสนับสนุนทุนการศึกษาระยะยาวในประเทศเคนยา ร่วมกับหน่วยงาน Swiss Agency for Development and Cooperation, Liechtenstein Development Service และบริษัท Coop ผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์

นอกเหนือจากการวิจัยระยะยาวดังกล่าวซึ่งจะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2562 เป็นอย่างน้อย ทางสถาบันฯ ยังใช้วิธีการวิจัยแบบมีส่วนร่วมเพื่อพัฒนาและส่งเสริมให้เกษตรกรในท้องถิ่นทำการเกษตรแบบประยุกต์ เพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน โดยเกษตรกรท้องถิ่นและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรายอื่น ๆ ได้ดำเนินการทดลองภาคสนามในรูปแบบที่ต่างกัน เพื่อทดสอบและวิเคราะห์แนวทางปฏิบัติที่แปลกและแตกต่างกันไปตามพื้นที่เพาะปลูกและสถานีเกษตรแต่ละแห่ง

รับชมข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งดาวน์โหลดกราฟและรูปภาพได้ที่

http://www.systems-comparison.fibl.org

http://www.biovision.ch

ที่มา: Biovision Foundation

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest