เมนูของ Tarun Bhatia ที่ใช้ในการแข่งขันและสามารถเอาชนะใจกรรมการมาได้คือ "Inspirational Daab Chingri" ซึ่งผ่านเข้ารอบ Semi-Final มาได้จากการคัดเลือกของ ALMA สถาบันการศึกษาและอบรมด้านอาหารอิตาเลียนระดับโลก (www.alma.scuolacucina.it) และโดดเด่นจนเอาชนะคู่แข่งทั้ง 9 คนได้
การแข่งขันรอบ Semi-Final ที่ผ่านมาจัดขึ้นที่ "โรงเรียนดุสิตธานีการโรงแรม" ถนนเพชรบุรี มีกรรมการ 6 ท่านซึ่งเป็นเชฟแถวหน้าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ Emmanuel Stroobant (สิงคโปร์), Alvin Leung (ฮ่องกง), Umberto Bombana (ฮ่องกง), เชฟเอียน กิตติชัย (ไทย), เชฟโบ ทรงวิศวะ (ไทย) และ Will Meyrick (อินโดนีเซีย) กรรมการทั้ง 6 ได้ชิมฝีมือของเชฟผู้เข้าแข่งขันทั้ง 10 คนและได้ตัดสินใจเลือก Tarun Bhatia ให้เป็นผู้ชนะในที่สุด
โดยตัดสินจากเกณฑ์การตัดสิน 5 ข้อ ได้แก่ วัตถุดิบที่เลือกใช้, ทักษะและความสามารถ, สติปัญญาและความเฉียบแหลม, ความสวยงาม และความหมาย (ingredients, skills, genius, beauty, and message)
วัตถุดิบที่เลือกใช้ : มีความสามารถในการเลือกใช้วัตถุดิบและส่วนผสมได้อย่างลงตัวและมีคุณภาพดีที่สุดที่สรรหาได้ เพื่อความสดใหม่และไม่เหมือนใคร
ทักษะและความสามารถ : มีความสามารถในการจัดการหรือเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบให้ออกมาสำเร็จด้วยดี โดยที่ยังคงไว้ซึ่งคุณประโยชน์ของวัตถุดิบนั้นๆ
สติปัญญาและความเฉียบแหลม : มีความสามารถในการค้นหาข้อผิดพลาด, แรงบันดาลใจ, โอกาส/ทัศนคติ เพื่อเชื่อมโยงให้เข้ากับไฟน์ ไดน์นิ่งในแบบร่วมสมัยและเป็นตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาสมดุลของรสชาติและหน้าตาของอาหารได้เป็นอย่างดี
ความสวยงาม : มีความสามารถในการนำเสนอผลงานอย่างมีคุณค่าและสวยงาม
ความหมาย : มีความสามารถในการถ่ายทอดให้คณะกรรมการเข้าใจในความหมายที่ต้องการจะสื่อผ่านอาหารจานนั้นๆได้และแสดงให้เห็นถึงมุมมองความคิดของตนเอง
"ผมดีใจมากที่ได้รับเลือกให้เป็น S.Pellegrino Young Chef ประจำปี 2559 ซึ่งไม่ใช่เฉพาะของอินเดีย แต่เป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการแข่งขันกับเชฟมากความสามารถคนอื่นๆ จากทั่วโลก" เชฟ Tarun Bhatia กล่าว "ความท้าทายที่ใหญ่กว่ารอผมอยู่ที่มิลาน แต่สิ่งที่ผมบอกกับตัวเองคือ ยิ่งเราเอาชนะความท้าทายในชีวิตได้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเป็นผลดีต่อตัวเรามากเท่านั้น นี่มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นของอาหารอินเดียที่ผมเชื่อว่าจะก้าวไปไกลได้มากกว่านี้แน่"