นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ภาวะฝนตกหนักต่อเนื่อง ในพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้เกิดสถานการณ์น้ำป่าไหลหลาก 4 จังหวัด ได้แก่ แม่อ่องสอน น่าน พะเยา และแพร่ โดยปัจจุบัน มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (อุทกภัย) จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ น่าน แม่ฮ่องสอน และพะเยา รวม 12 อำเภอ 57 ตำบล 356 หมู่บ้าน ผู้เสียชีวิต 4 ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 2 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน และพะเยา ยังคงมีสถานการณ์ใน 2 จังหวัด ได้แก่ น่าน และแพร่ โดยจังหวัดน่าน ในพื้นที่ 7 อำเภอ รวม 31 ตำบล 198 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอสันติสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอเมืองน่าน อำเภอท่าวังผา อำเภอปัว อำเภอ ภูเพียง และอำเภอบ่อเกลือ ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,109 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างการฟื้นฟู พื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จังหวัดแพร่ รวม 5 อำเภอ 17 ตำบล 58 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองแพร่ อำเภอร้องกวาง อำเภอสอง อำเภอสูงเม่น และอำเภอหนองม่วงไข่ บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 200 หลังคาเรือน ถนน 4 สาย คอสะพาน 2 แห่ง สะพาน 1 แห่ง ท่อระบายน้ำ 1 แห่ง ฝาย 1 แห่ง ลำเหมือง 2 แห่ง บ่อปลา 74 บ่อ พื้นที่การเกษตรเสียหาย 3,688 ไร่ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตร สำหรับการให้ความช่วยเหลือ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้เข้าสำรวจความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุโซนร้อน "เตี้ยนหมู่" กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้ (19 ส.ค.59) และเข้าสู่ประเทศลาวตอนบน ส่งผลให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือและ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงวันที่ 19 – 20 สิงหาคม 2559 จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก โดยติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ในส่วนของการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย ปภ.ได้ประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือภาวะฝนตกหนัก โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงเตรียมพร้อมรับมืออันตรายจากภาวะฝนตกหนัก รวมถึง จัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th