สธ. เล็ง!!ขยายการประชุมทางไกล ระบบวิดีโอ ลงพื้นที่ระดับอำเภอ

พฤหัส ๐๘ กันยายน ๒๐๑๖ ๑๔:๕๗
รองปลัด สธ. เผย!ประโยชน์จากการนำเทคโนโลยีการสื่อสารมาประยุกต์ใช้ในระบบบริการสาธารณสุข โดยเฉพาะการประชุมทางไกลระบบวิดีโอ หรือ Video Conference ที่ให้ทั้งภาพ เสียง และข้อมูลตัวอักษร เหมือนได้เข้าร่วมประชุมกันตามปกติ ช่วยลดภาระการเดินทางของผู้ร่วมประชุม สามารถสั่งการไปยังหน่วยงานในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที ช่วยให้บริการด้านสาธารณสุขรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และทันต่อสถานการณ์ เล็ง! ขยายการประชุมทางไกล วิดีโอ ลงไปในระดับอำเภอ 76 จังหวัดทั่วประเทศเร็วๆนี้

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย โฆษกและรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวหลังเป็นประธานการประชุมทางไกลระบบวิดีโอ (Video conference) "MCH Board Strengthening" ว่า ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขได้ นำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาประยุกต์ใช้ เพื่อขับเคลื่อนพัฒนางานในระบบบริการสาธารณสุขของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยดำเนินงานใน 3 ประเด็นหลักๆประเด็นแรก คือการนำเทคโนโลยีการสื่อสารมาใช้ในการบริหารจัดการ อย่างเช่นตอนนี้ที่ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม คือ การประชุมทางไกล ระบบ วิดีโอ หรือVideo conference เป็นการประชุมร่วมกันระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่อยู่ต่างสถานที่ และห่างไกลกันโดยใช้สื่อทางด้านมัลติมีเดีย ที่ให้ทั้งภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง เสียง และข้อมูลตัวอักษร ในการประชุมเวลาเดียวกัน เป็นการสื่อสาร 2 ทาง จึงทำให้ดูเหมือนว่าได้เข้าประชุมร่วมกันเหมือนปกติ การดำเนินการในรูปแบบนี้ให้ประโยชน์ในการช่วยลดภาระการเดินทางของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่ต้องเดินทางมาประชุมยังหน่วยงานส่วนกลาง และสามารถสั่งการไปยังหน่วยงานในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที ช่วยให้บุคลากรเหล่านี้มีเวลามากขึ้นในการให้บริการประชาชนในพื้นที่ ซึ่งแนวโน้มต่อไปจะพัฒนาขยายระบบการประชุมทางไกล วิดีโอ ลงไปพื้นที่ในระดับอำเภอ 76 จังหวัดทั่วประเทศ ตามโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่จะมีการพัฒนาภายในไม่กี่ปีข้างหน้า

ประเด็นที่สองเป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนต่อไปคือการพัฒนาด้านอุปกรณ์ เครือข่าย ความสามารถในการเขียนโปรแกรมต่างๆ เพื่อนำมาผนวกรวมเป็นรูปแบบการให้บริการผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ประโยชน์ในทีมหมอครอบครัว ใช้เชื่อมโยงกับโรงพยาบาลในการจัดบริการประชาชนให้เกิดความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมทั้ง เรื่องการนัดหมาย การให้คำปรึกษาทางไกล การดูแลฉุกเฉิน ณ จุดเกิดเหตุ หรือติดตามสถานะการส่งต่อผู้ป่วยในรถพยาบาลเป็นต้น และประเด็นที่สาม คือการต่อยอดระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศต่างๆให้สามารถเข้ามาสนับสนุนผู้ประกอบการที่จะพัฒนาเครื่องมือใหม่ๆ สอดรับกับภาวะเศรษฐกิจหรือไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งเป็นปัจจัยเอื้อกลไกด้านเศรษฐกิจในเชิงบริการสุขภาพเพิ่มมากขึ้น

นพ.สุวรรณชัยกล่าวต่อว่าการนำเทคโนโลยี สารสนเทศมาใช้ในงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขจะมีศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบ ซึ่งเดิมนั้นจะเน้นทำงานด้านเทคนิคเกี่ยวกับซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์ต่างๆ แต่ปัจจุบันได้ผนวกเรื่องของข้อมูล หรือ Health Information Technology ทำให้การขับเคลื่อนในด้านนี้เปลี่ยนแปลงไป จากเดิมที่เป็นเพียงส่วนสนับสนุนกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ในการผลักดันให้องค์กรเดินไปในทิศทางที่สอดคล้องกับภาพรวมของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการแพร่หลายของโซเชียลมีเดียในปัจจุบัน เช่น Facebook, Line, Instagram ฯลฯ ที่เข้ามามีบทบาทช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น งานด้านสาธารณสุขจึงต้องมีการปรับตัวให้ทันและรู้เท่าทันกับข่าวสารต่างๆ ที่แพร่หลายในโลกโซเชียล และยังสามารถดึงส่วนที่เป็นสาระสำคัญมาใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันก็ต้องนำเทคโนโลยีมาสื่อสารปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมกับภาคประชาชน ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับการรับรู้ ทั้งภาคประชาชนและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือที่เรียกว่า ประชารัฐ เพื่อให้เกิดการยกระดับด้านการดูแลสุขภาพไปพร้อม ๆ กัน บรรลุผลลัพธ์สุดท้าย คือ ประชาชนทุกคน "รู้เท่าทันสุขภาวะ" มีสุขภาพดีและมีความพึงพอใจในบริการด้านสุขภาพ

ด้านผศ.(พิเศษ) นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกล่าวว่าเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology : ICT) จะช่วยเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพของการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ช่วยให้ประเทศมีโอกาสในการพัฒนาทางการแพทย์และสาธารณสุขให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน เช่น เพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข เพิ่มคุณภาพการให้บริการดูแลผู้ป่วยได้อย่างต่อเนื่อง ช่วยลดความเสี่ยง ลดความ แออัด ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและการให้คำปรึกษาทางไกล ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นการแสดงสีหน้าหรือท่าทางของผู้ป่วยได้ ช่วยส่งข้อมูลที่เป็นเอกสารหรือภาพเพื่อประกอบการพิจารณาของแพทย์ได้ ช่วยให้ระบบทางการแพทย์และสาธารณสุขมีข้อมูลที่ถูกต้อง สามารถวิเคราะห์ ประเมินผล วินิจฉัยอาการป่วยได้ดียิ่งขึ้น และยังนำมาใช้ประโยชน์ในการให้บริการประชาชนได้ตรงจุด มีประสิทธิภาพและทันเวลา

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๕๔ กทม. เตรียมปรับปรุงพัฒนาระบบการให้บริการงานทะเบียนสำนักงานเขต
๑๗:๑๗ สมาคมเพื่อนชุมชน ส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวทางลดก๊าซเรือนกระจก
๑๗:๔๑ กทม. เร่งติดตั้งเสา-ตะแกรงรั้วกั้นเกาะกลางถนนวิสุทธิกษัตริย์ที่ถูกรถชนเสียหาย
๑๗:๐๔ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ขอเชิญชวนนักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมงาน M-Sci JOB FAIR 2024 หางานที่ใช่ สร้างงาน สร้างโอกาส วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เวลา 13.00-16.00 น. ณ หอประชุม รักตะกนิษฐ
๑๗:๒๘ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำเสนอโซลูชั่นดิจิทัลลุยตลาดอาคารอัจฉริยะเพื่อความยั่งยืน
๑๖:๒๙ จิม ทอมป์สัน เผยทิศทางการพา แบรนด์ผ้าเมืองไทย ผงาดเวทีโลก ส่องกลยุทธ์การครีเอตผลงานคุณภาพให้สอดรับเทรนด์สิ่งทอระดับสากล
๑๖:๓๘ อาดิดาสจับมือนักฟุตบอลระดับตำนาน ส่งแคมเปญ 2006 JOSE 10 สร้างแรงบันดาลใจและความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดให้กับเหล่านักฟุตบอลเยาวชนหญิง
๑๖:๑๐ Maison Berger Paris พาชมเครื่องหอมบ้าน 2 คอลเลคชั่นใหม่ MOLECULE และ JOY จัดเต็มเซ็ตของขวัญ ครบทุกรูปแบบความหอม สร้างบรรยากาศหรูหราพร้อมกลิ่นหอมบริสุทธิ์
๑๖:๕๗ กทม. เตรียมระบบเฝ้าระวัง-ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์
๑๕:๑๕ NCC. ผนึก ททท. ขยายตลาดท่องเที่ยวมูลค่าสูง ชี้ตลาดท่องเที่ยวเฉพาะทาง (Niche Market) โต ลุยจัดงาน Thailand Golf Dive Expo plus OUTDOOR Fest