คิดแบบตัน ชีวิตไม่มีทางตัน

อังคาร ๐๔ ตุลาคม ๒๐๑๖ ๑๑:๓๗
ขึ้นชื่อว่าธุรกิจ ไม่ว่าเป็นใครล้วนต้องการความอยู่รอดและเติบโต ทว่าในท่ามกลางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงแข่งขัน บางครั้งก็ไม่ง่าย ด้วยเหตุปัจจัยตัวแปรต่างๆ บางทียากจะควบคุม หาทางออก แต่ทำอย่างไรถึงจะฟันฝ่าปัญหา ก้าวข้ามอุปสรรคไปให้ได้ เป็นโอกาสและความท้าทายไม่น้อย

เมื่อเร็วๆ นี้ คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ได้จัดโครงการ Biz Giant Talk บรรยายพิเศษ หัวข้อ"คิดแบบตัน ชีวิตไม่มีทางตัน" โดยคุณตัน ภาสกรนที เพื่อเป็นข้อคิดนักธุรกิจ ผู้ประกอบการในเขตภาคเหนือตอนล่าง รวมถึงนิสิตด้านบริหารธุรกิจ และผู้สนใจ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าเป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่น่าสนใจ จึงขออนุญาตนำบางช่วงบางตอนมาถ่ายทอดสู่ผู้อ่าน

"นี่คืออะไร..? ยกนิ้วโป้งขึ้นมาหนึ่งนิ้วข้างไหนก็ได้ บางคนบอก "นิ้วโป้ง" บางคนบอก "ยอดเยี่ยม" บางคนบอก "กด like" นั้นคือวิธีคิดของแต่ละคน

คนที่บอก "กด like" คุณคือคนที่มีความคิดสร้างสรรค์

และถ้าเรายกนิ้วเดียวกันนี้ชี้ขึ้นบน ทุกคนบอกว่า "สุดยอด"

ทางกลับกัน ชี้ลงล่าง ทุกคนบอกว่า "แย่" ซึ่งความหมายต่างกันโดยสิ้นเชิง คำถามคือ..? อะไรคือความแตกต่าง...คำตอบคือ = วิธีคิด" คุณตันฯเกริ่นนำผู้ฟังบนเวทีเสวนาวันนั้น "วิธีคิด" ถ้าเราคิดบวกในทุก ๆ เรื่อง ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตไม่ว่าจะเป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต จะทำให้เรามีกำลังใจ มีความหวัง มีเป้าหมาย มีพลัง ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ

และเล่าย้อนให้ฟังว่า "ผมเรียนจบแค่ มศ.3 ถ้าถามผมว่า ผมมีวันนี้ได้เพราะอะไร เพราะผมเป็น นักเลียนแบบ เราปฎิเสธไม่ได้หรอกว่าเราไม่เคยเลียนแบบใคร ตั้งแต่เราโตขึ้นมา ตอนเป็นเด็กเราก็เรียนแบบพ่อแม่ของเรา แต่ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจผมเลียนแบบคนที่ประสบความสำเร็จหลาย ๆ คน ทั้งคนไทย คนต่างชาติ แต่คนแรกที่ผมเลียนแบบและเป็นพลังให้ผมมีวันนี้คือ ดร.เทียม โชควัฒนา (ผู้ก่อตั้งและวางรากฐานในเครือสหพัฒน์) ตำแหน่งแรกที่ผมทำคือพนักงานแบกของ (เงินเดือน 700 บาท เมื่อ 30 กว่าปีก่อน) ทำงานอยู่ 5 ปี 6 เดือน วันที่ผมก้าวออกจากสหพัฒน์ผมไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว แต่สิ่งที่ผมได้คือ วิธีคิด จิตวิญญาณ วิธีทำงานจาก ดร.เทียม โชควัฒนา ท่านจบ ป.4 แต่ท่านสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ได้"

ขณะที่คุณตันฯ ได้กล่าวถึงต้นแบบด้วยความภูมิใจ "และผมก็ต้องทำให้ได้อย่างท่าน ครั้งหนึ่งผมเคยไปส่งเอกสารให้ท่านที่ห้องทำงาน ผมรู้สึกตื่นเต้นมากทำอะไรไมถูก สิ่งที่วิ่งเข้ามาในหัวคืออยากจะได้ของที่ระลึกจากท่านสัก 1 ชิ้น ปากกา ยางลบ หรือดินสอ อะไรก็ได้ ซึ่งผมคงไม่มีทางได้อย่างแน่นอนเพราะผมเป็นเพียงแค่เด็กส่งเอกสาร ผมอยากจะขโมยของมาเป็นที่ระลึกสักชิ้นหนึ่งในชีวิต แต่สมองของผมมี 2 ด้าน ด้านดีกับด้านเลว ด้านเลวก็สั่งให้ไปหยิบของอะไรก็ได้เอามาเลย แต่ด้านดีก็บอกว่าเราชื่นชมท่านจะไปเอาของท่านทำไม แต่สุดท้ายผมก็ไปจบลงตรงที่...ดื่มน้ำเปล่าบนโต๊ะท่านหมดแก้ว... ผมคิดว่าท่านต้องรู้ เพราะด้วยนิสัยของท่าน ท่านจะไม่ดื่มน้ำจนหมดแก้วและที่สำคัญท่านเป็นคนช่างสังเกตุและมีความจำดีเลิศ"

พร้อมเฉลยความภูมิใจที่ได้จากต้นแบบ "หลังจากวันนั้น จนมาถึงวันนี้ผมมีธุรกิจและประสบความสำเร็จได้เพราะท่าน เพราะอะไรรู้ไหม เพราะน้ำเปล่าธรรมดาแก้วเดียว แต่ผมเชื่อว่านี้คือน้ำทิพย์ น้ำที่ทำให้ผมมีพลัง มีความขยัน มีความพยายาม มีความตั้งใจทำงานและฮึดสู้มากกว่าเดิม เป็นเหมือนพลังผลักดันให้เราต้องเป็นอย่างท่านให้ได้ หากเรามองเป็นแค่เพียงน้ำเปล่าแก้วเดียว น้ำแก้วนั้นก็เป็นน้ำธรรมดาไม่ได้ไปหล่อเลี้ยง เติมพลัง ให้กับผมจนถึงทุกวันนี้"

ซึ่งผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารแวดวงธุรกิจ คงจะได้ทราบถึงการพัฒนาและขยายธุรกิจเจ้าของฉายาคิดแบบตัน ชีวิตไม่มีทางตัน "ธุรกิจของผมทุกวันนี้มีหลากหลายด้านไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ โรงงานชาเขียว ร้านถ่ายรูปแต่งงาน เป็นเพราะผมเลียนแบบทั้ง ญี่ปุ่น อเมริกา ไต้หวัน จีน ฮ่องกง ฯลฯ การเลียนแบบเพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจไปสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้กับตัวเอง ส่วนตัวแล้วผมไม่มีกรอบ ไม่มีระเบียบ ไม่มีวิธีไตร่ตรอง กฎของผมคือ "การไม่มีกฎ" ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้คนมากหน้าหลายตาในหลากหลายธุรกิจ ได้รับฟังทั้งข้อดี ข้อเสีย จากธุรกิจนั้น เราต้องศึกษาเรียนรู้และสังเกตถึงจุดดีจุดเด่นจุดบอดและจุดตายของธุรกิจ นั้น ๆ ด้วย ผมก็เป็นเหมือนผึ้งที่ไปดูดเกสรดอกไม้หลาย ๆ ดอก นำมารวมกันให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวของผม เป็นสิ่งที่เราทำขึ้นมาเองแต่รวบรวมสิ่งที่ดีที่สุดของทุก ๆ อย่างมาไว้ที่เดียวกัน"

พร้อมอธิบายวิธีคิด "ชีวิตคือการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ถามว่าโรงงานชาเขียวของผมดีแล้วหรือยัง "ดีแล้ว" แล้วดีที่สุดหรือยัง "ยังครับ" วันเวลาที่เรายืนอยู่ ณ ขณะนี้ มันก็จะผ่านไปในทุก ๆ วัน แล้วสิ่งใหม่ ๆ ก็จะเกิดขึ้นทุก ๆ วันเช่นกัน เพราะฉะนั้นการทำธุรกิจไม่มีอะไรน่ากลัว ถ้าเราบอกว่าง่ายมันก็ง่าย ถ้าเราบอกว่ายากมันก็ยาก บนโลกนี้มีคนอยู่ 2 แบบ คือ 1. อัจฉริยะ อันนั้นอย่าไปยุ่งกับเขา แบบที่ 2. ส่วนที่เหลือจากอัจฉริยะก็คือคนธรรมดาอย่างเรา มี 2 แขน 2 ขา เหมือนกันทุกคน เขาทำได้เราก็ทำได้ แต่ถ้าเขาหล่อกว่า สวยกว่า รวยกว่า นั้นคือเขาเริ่มต้นที่ง่ายกว่า แต่ถ้าเราจนกว่า เราเริ่มต้นที่ยากกว่า แต่จุดสตาร์ทไม่ได้บ่งบอกว่าชนะหรือแพ้ แค่เขาไปนำเราไปก่อนเฉย ๆ เราก็ตามเขาไป ถ้าเรามีพลัง มีความฝัน มีเป้าหมาย เราก็จะทันเขาหรือนำเขาไปได้อย่างแน่นอน"

แล้วจุดสตาร์ทของคุณตันฯ คืออะไร มีปัญหาอุปสรรคฟันฝ่าอย่างไร "ชีวิตการทำธุรกิจของผมเริ่มจากศูนย์ ธุรกิจแรกของผมคือ การขายหนังสือพิมพ์ ฉบับละ 2 บาท กำไร 40 สตางค์ และผมก็ไปเจ๊งในปี 2540 มีหนี้เป็น 100 ล้าน ผมก็เริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ แล้วก็เจ๊งอีกหลายรอบผมก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ ชีวิตและธุรกิจมีขึ้น ๆ ลง ๆ นี่คือการทำธุรกิจ การทำธุรกิจไม่ต้องกลัวว่าเราไม่มีทุน ทุนไม่ใช่ปัญหา ถ้าคุณมีไอเดียที่ดีมีนักลงทุนจะเข้ามาแย่งตัวคุณเองอย่างแน่นอน เพราะโลกแห่งธุรกิจใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นอีกมากมายเช่น โลกโซเซียลมีเดีย เฟสบุ๊ค ไลน์ และอีกมากมาย ที่มีการทำธุรกิจเป็นแสนๆ ล้านบาท ซึ่งโลกแห่งธุรกิจใหม่นั้น คุณไม่ต้องไปเปิดหน้าร้านแข่งกับใครเลยอยู่ที่คุณค้นพบไอเดียใหม่ ๆ และคุณกล้าที่ลงมือทำ คนที่ประสบความสำเร็จไม่ได้อยู่ที่คิดก่อน แต่อยู่ที่ลงมือทำก่อน เท่านั้นเอง"

เป็นโอกาสและความท้าทายไม่น้อย

พร้อมเฉลยข้อคิดให้ฟังว่า "ขอแนะนำ ถ้าคิดแบบผมนะ ผมประหยัดเพราะเป็นพื้นฐานของคนอยู่แล้ว แต่ผมมีสิ่งอื่นๆ ที่ผมชอบคือการฟังและเรียนรู้จากคนอื่น ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยวเปิดโลกให้กว้างไปต่างประเทศเพื่อให้รู้ว่าโลกเขามีอะไรเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีก้าวไกลไปถึงไหนแล้วบ้าง และผมก็ชอบฟังคนที่มีประสบการณ์เขาคุยกันและนำปรับใช้ โอกาสต่าง ๆ อยู่ที่เรา" และย้ำว่า "การทำธุรกิจต้องเริ่มจากเล็กไปใหญ่ เริ่มจากง่าย ๆ ทำเล็ก ๆ สะสมประสบการณ์ สะสมเครดิต สะสมความดี สะสมพันธมิตร สะสมหุ้นส่วน สะสมลูกน้อง สะสมเจ้านาย และเริ่มจากการเจ๊ง ไปเจ๊งหาประสบการณ์ที่แท้จริงว่าทำไมมันถึงเจ๊ง เพราะคุณไม่เคยคิดรอบคอบ คุณยังไม่เคยเข้าใจ พูดอย่างไรทำอย่างไรก็ไม่เท่ากับเจอด้วยตัวเองทำไป 5 ครั้ง 10 ครั้ง ต้องโดนบ้างสักครั้ง ทำเยอะ ๆ ก็ได้ประสบการณ์นำเงินไปท่องเที่ยวเปลี่ยนเป็นปัญญาเปลี่ยนเป็นประสบการณ์ โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วเราต้องตามให้ทันโลก ทำสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ต้องรู้ล่วงหน้า อย่าอยู่แต่ที่เดิม ๆ ต้องก้าวออกไปหาประสบการณ์ มุมมองที่แตกต่าง ถ้าจะเป็นนักธุรกิจ ต้องเป็นนักธุรกิจที่ดี คุณทำอาชีพอะไรต้องเป็นคนดี โลกนี้ต้องการคือความดี แล้วความดีนั้นก็จะส่งผลดีกลับมาหาตัวคุณเองด้วย"

คุณตันฯ ยังได้กล่าวทิ้งท้ายเป็นข้อคิดแก่ผู้เข้าร่วมเสวนา "สรุปการทำธุรกิจของผม ไม่มีคำว่าถูกไม่มีคำว่าผิด คุณนำแนวคิดของผมไปเป็นแรงบันดาลใจเล็ก ๆ ของชีวิตได้ และขอให้หาเวลาไปเจอสิ่งใหม่ ๆ ในนั้นจะมีสิ่งที่คุณคาดไม่ถึง คุณต้องมีความฝัน มีเป้าหมาย และคุณจะเจอกับความสำเร็จ ความสุข ความก้าวหน้า ขอให้กำลังใจทุกคนว่าทุกคนประสบความสำเร็จได้ ขอให้ทุกคนมีพลัง"

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๗:๓๓ รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๗:๔๔ กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๗:๔๒ ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๗:๑๕ กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๗:๑๕ เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๗:๒๙ สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๗:๑๐ GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๗:๔๓ เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๖:๓๖ เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4