วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม กับการพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมในยุค 4.0 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)

ศุกร์ ๑๓ มกราคม ๒๐๑๗ ๑๕:๕๔
โลกของเราทุกวันนี้ ประชากรเพิ่มขึ้น การผลิตเพิ่มขึ้น การบริโภคเพิ่มขึ้น และปริมาณของเสียยิ่งเพิ่มขึ้น ตลอดระยะเวลาที่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมของโลกพัฒนาไป วิชาชีพหนึ่งที่มีส่วนสำคัญในการออกแบบ ควบคุมวางแผน วางระบบ คิดค้นนวัตกรรม และวิธีการต่าง ๆ ที่จะจัดการกับกระบวนการผลิตของมนุษย์ไม่ให้ปล่อยของเสียออกมาสร้างมลพิษ คือ ศาสตร์ของวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ศาสตร์แห่งการพิทักษ์โลกนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยจัดตั้งภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2535เป็นต้นมา

ผศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญศรี อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มจธ. เปิดเผยว่า หากย้อนกลับไปในช่วงปี พ.ศ. 2535 ซึ่งภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มจธ. ก่อตั้ง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศไทยมีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมกับเกิดกรม กอง ต่าง ๆ อาทิ กรมควบคุมมลพิษ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งล้วนแต่ต้องใช้ศาสตร์ของวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ทำให้บทบาทหน้าที่ของวิศวกรสิ่งแวดล้อมมีความชัดเจน ประกอบกับในช่วงนั้นประเทศไทยประกาศตัวเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมยิ่งมีบทบาทเพิ่มขึ้น เมื่อการผลิตสินค้าปรับจากหัตถกรรมเป็นอุตสาหกรรม มีการปล่อยมลพิษ และปริมาณขยะเพิ่มขึ้น วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการหมุนเวียนเศษวัสดุก่อนที่จะถูกทิ้งเป็นขยะ บำบัดของเสียและน้ำเสียเพื่อนำกลับสู่ทรัพยากรธรรมชาติ ถือเป็นการร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจเชิงอุตสาหกรรมไปพร้อม ๆ กับการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกประเด็นหนึ่งคือ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับทรัพยากรสิ่งแวดล้อม เพราะถือเป็นต้นทุนในการผลิตของประเทศ ประเทศใดไม่มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ประเทศนั้นจะขาดแคลนต้นทุนในการผลิต ทำให้วิศวกรสิ่งแวดล้อมมีบทบาทในกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายใต้ ประเทศไทย 4.0 หรือ เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมไปสู่ประเทศที่มั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืน อย่างเป็นรูปธรรม มีกลไกการขับเคลื่อนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.ธิดารัตน์ ยังคาดการณ์ว่า ในอนาคตประเทศไทยอาจต้องมีศาลสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา ศาลสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่ในการฟ้องร้องเกี่ยวกับการทำลายสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะความขัดแย้งเรื่องสิ่งแวดล้อมในประเทศซึ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีพิพาทระหว่าง บุคคล ชุมชน กับโรงงานอุตสาหกรรม ที่เกี่ยวข้องกับปัญหามลพิษ หรือแม้แต่ทำให้เกิดการสูญพันธุ์ หรือการตายของสัตว์ การลักลอบและการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ

สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ที่เรียนจบด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมเป็นที่ต้องการของประเทศมากขึ้น และไม่เพียงแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่ต้องการวิศวกรสิ่งแวดล้อม ในประเทศออสเตรเลียวิศวกรสิ่งแวดล้อมเป็นที่ต้องการอันดับที่สองรองจากวิศวกรโยธา เมื่อวิชาชีพวิศวกรสิ่งแวดล้อมอยู่ในสภาวะขาดแคลนจะกระทบต่อวิชาชีพวิศวกรสาขาต่างๆ ดังนั้น มจธ.โดยภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมจึงร่วมกับมหาวิทยาลัยวูลลองกอง (University of Wollongong, UOW) ประเทศออสเตรเลีย เปิดหลักสูตรวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมนานาชาติร่วมสองสถาบัน หรือ BE (2+2) โดยนักศึกษาต้องเรียนที่ มจธ. 2 ปี และเรียนที่ UOW ประเทศออสเตรเลีย 2 ปี เมื่อเรียนจบจะได้รับปริญญาบัตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตทั้งจาก มจธ. และจาก UOW รวมถึงสามารถขอใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม (กว.) จากสภาวิศวกรทั้งของไทยและประเทศออสเตรเลียได้

นับจากปี พ.ศ. 2535 - 2560 เป็นเวลา 25 ปีที่ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มจธ. ก่อตั้งขึ้นและผลิตบัณฑิตคุณภาพ ออกไปรับใช้สังคม ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการออกแบบควบคุม ดูแลกระบวนการบำบัด/กำจัดมลพิษทั้งทางน้ำ อากาศและดิน ตลอดจนกำจัดของเสียและกากสารอันตราย โดยใช้เทคนิคเชิงวิศวกรรมและเชิงบริหารจัดการ มจธ.ตั้งใจผลิตวิศวกรสิ่งแวดล้อมที่มีทักษะที่แตกต่าง และมีลักษณะเฉพาะ คือ เป็นวิศวกรมืออาชีพสามารถทำงานในระดับสากล เป็นผู้ประกอบการธุรกิจสีเขียว หรือเป็นวิศวกรที่รอบรู้ศาสตร์ด้านวิศวกรรมในหลายแขนง ในระดับปริญญาตรีจะมุ่งเน้นการศึกษาด้านทฤษฎีควบคู่กับการปฏิบัติจริง ร่วมกับการศึกษาวิจัยโครงงานซึ่งมีให้เลือกทั้งหลักสูตรปกติและนานาชาติ หรือแผน 2+2 Program ส่วนระดับปริญญาโทเปิดสอน 2 แผน คือ แผนการเรียนเน้นงานวิจัยผ่านการทำวิทยานิพนธ์ ซึ่งแผนนี้ส่วนใหญ่เรียนแล้วไปศึกษาต่อปริญญาเอก เป็นนักวิจัยหรืออาจารย์มหาวิทยาลัย และแผนการเรียนเน้นการปฏิบัติผ่านการทำโครงการศึกษาซึ่งเรียนในวันเสาร์-อาทิตย์ เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานและมีประสบการณ์ในวิชาชีพ ซึ่งต้องการเพิ่มพูนความรู้เพื่อใช้ในงานที่รับผิดชอบ

สำหรับผู้ที่สนใจเป็นวิศวกรสิ่งแวดล้อม ผศ.ดร.ธิดารัตน์ แนะนำว่า นอกจากต้องมีพื้นฐานทักษะการคำนวณ มีตรรกะการวิเคราะห์ มีทักษะในการจดจำและสร้างสรรค์แล้ว จะต้องมี "ใจรัก" ด้วย เพราะ วิศวกรสิ่งแวดล้อมเป็นสาขาที่ต้องคลุกคลีกับของเสีย และมลพิษต่าง ๆ ทั้งสิ่งปฏิกูล ขยะ มลพิษ น้ำเสีย ฝุ่นควัน ต้องเสียสละตัวเองเพื่อเปลี่ยนของเสียให้เป็นของดี หรือดึงของดีออกจากของเสียให้ได้ ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย สะอาด ทำให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนั้นวิศวกรสิ่งแวดล้อมต้องทำในสิ่งที่รักษาไว้ซึ่งธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่ดี ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญของการพัฒนาประเทศ และเป็น "การพัฒนาที่ยั่งยืน" เพราะสิ่งนี้คือโจทย์ของประเทศ ทั่วโลกจะต้องปฏิบัติตามที่องค์การสหประชาชาติประกาศ คือ "ทุกสังคมมีการบริโภคอย่างยั่งยืน และนำไปสู่การอยู่รอดของโลก".

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๑๔ องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๑๒:๑๒ การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๑๒:๔๔ DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๑๒:๑๐ JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๑๒:๒๓ นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๑๒:๕๗ Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๑๒:๒๘ โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๑๒:๑๐ STEAM Creative Math Competition
๑๒:๔๔ A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๑๒:๔๗ ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้