ทีมที่เข้ารอบทั้งหมดถูกแบ่งเป็น 4 กลุ่มเพื่อเข้ารับคำแนะนำจากเมนเทอร์แต่ละคนเพื่อปลุกไอเดียความคิดสร้างสรรค์ ให้แต่ละทีม นำความรู้ไปต่อยอดพัฒนาผลงานเพื่อส่งเข้าชิงชัยในรอบสุดท้ายซึ่ง เมนเทอร์แต่ละคนก็มีสไตล์การสอนและถ่ายทอดประสบการณ์ที่แตกต่างกันตามแบบฉบับของตัวเอง
อย่าง เมนเทอร์ป๋อม เลือกวิธีเผยเคล็ดลับให้น้องๆ ในกลุ่มฟังว่า เมื่อได้โจทย์มาจะเริ่มที่การแตกไอเดียก่อน จากนั้นจึงหาข้อมูลจากทั่วโลกมาประมวล โดยมีจุดยืนว่าจะไม่ลอกเลียนแบบ แต่จะประยุกต์ให้เกิดสิ่งใหม่ ส่วน เมนเทอร์อั๋น เริ่มด้วยการเปิดคลิปผลงานของน้องในกลุ่ม และวิเคราะห์อย่างละเอียด ลงลึกถึงเรื่องงบประมาณ บรรยากาศในแต่ละกลุ่มจึงเป็นไปอย่างสนุกสนานเข้มข้น ไม่ซ้ำแบบกัน
น.ส.กานต์ชนิต กมลรัตนกุล หรือ พราว อายุ 20 ปี นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาเรขศิลป์-กราฟฟิกดีไซน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากทีม "ไข่เกิดก่อนไก่นะ" แนะนำตัวพร้อมเสียงหัวเราะว่า "ทีมหนูมีคนเดียวค่ะ ดีใจ ไม่คิดว่าจะผ่านเข้ารอบ เพราะเวทีประกวดแบบนี้จะมีแต่คนเก่งๆ และไอเดียแปลกๆ" พราวเล่าว่า อยู่กลุ่ม เมนเทอร์ดั้น ซึ่งให้ความสำคัญกับการถอดรหัสหาไอเดียของชิ้นงานว่าอะไรคือแก่นของเรื่องเพราะต่อให้หนังทำออกมาดี ถ้าไอเดียไม่ดี หนังเรื่องนั้นก็จะกลวง สำหรับคลิปที่พราวส่งเข้าประกวด ชื่อ Restart ใช้รถของเล่นและตุ๊กตาดำเนินเรื่อง มีแก่นของเรื่องคือ ในเกมเราสามารถกดเริ่มใหม่ หรือ restart ได้ถ้าเกิดอุบัติเหตุ แต่ชีวิตจริงคงทำไม่ได้ และจากคำแนะนำของเมนเทอร์ ก็จะกลับไปวิเคราะห์ว่ายังมีจุดอ่อนตรงไหนเพื่อปรับปรุงต่อไป พราวบอกด้วยว่า การที่โครงการนี้รณรงค์สร้างสติการขับขี่ในหมู่วัยรุ่นโดยให้วัยรุ่นเป็นคนสื่อสาร เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะคนวัยเดียวกัน ใช้ภาษาเดียวกัน น่าจะสื่อสารกันได้เข้าใจกว่า อย่างตัวเองก็ขับรถเช่นกัน พอได้มาทำคลิป ก็เหมือนได้เตือนตัวเองด้วยเช่นกัน
ด้าน ทีม "Shut up Studio" ซึ่งมีสมาชิกคือ มิกซ์-ภานุวิชย์ โสภณสิริรักษ์ ต๊ะ-พุฒิพงศ์ ชูเดช และ แฮม-ปริวรรต จิรภาสธนวัตซึ่งทั้ง 3 หนุ่มอายุ 20 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิทยาการการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เอกภาพยนตร์เจ้าของคลิปที่ใช้ต้นไม้เป็นตัวเดินเรื่องช่วยกันเล่าว่า อยู่กับ เมนเทอร์กอล์ฟ ซึ่งสอนให้มองการทำหนังในแง่มุมที่กว้างขึ้น ให้ตอบโจทย์คนดูและสังคม ต้องทำให้คนดูเข้าใจด้วย ไม่ใช่ตอบโจทย์ตัวเองอย่างเดียว
สามหนุ่มพูดถึงแนวคิดในการทำคลิปของตัวเองว่า "พวกผมมองว่าเวลาเกิดอุบัติเหตุ บางคนจะโทษสิ่งรอบข้างโดยไม่ได้นึกถึงตัวเองว่าจริงๆ แล้วเป็นเพราะตัวเองหรือเปล่าที่ขาดสติ เลยอยากนำเสนออะไรที่แปลกใหม่ และคิดว่าถ้าต้นไม้หรือสิ่งหลักกิโล พูดได้ มันจะพูดว่ายังไงที่มักจะตกเป็นจำเลยในอุบัติเหตุร่วมด้วย สิ่งที่สื่อสารออกไปคืออยากให้คนดูได้คิด"
ส่วนทีมที่สร้างความฮือฮามากคือทีม "Dent Drive" ของ เฟิรสท์-รัชพงศ์ ศักดิ์ศรีสุวรรณ อายุ 24 ปี และ บิว-เสฏฐวุฒิ ชูชัยแสงรัตน์ อายุ 25 ปี ที่ใครๆ ต่างพากันเรียกทีมน้องหมอเพราะทั้งคู่เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 5 คณะทันตแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล สองหนุ่มเล่าว่า ถึงจะเรียนหมอแต่สนใจเรื่องการถ่ายภาพ ช่วงประกวดนี้เป็นช่วงปิดเทอมจึงยังมีเวลา พร้อมเผยมุมมองแบบหมอๆ ในการทำคลิปชื่อ Safety first ซึ่งเข้ารอบว่า การดื่มเหล้าทำให้ระบบการตัดสินใจ และสมองทำงานช้าลง ถึงแม้รถยนต์ทั้งหลายจะโฆษณาเรื่องสมรรถนะ เรื่องความปลอดภัย สามารถปกป้องคนในรถได้ดีขนาดไหน แต่ถ้าคนขับดื่มจนขาดสติ ระบบของรถที่ว่าดีก็ไม่ช่วยอะไร
ขณะที่ หยก-ณฐมน มานะพันธุ์พงศ์ อายุ 21 ปี และ โฟล์ก-ธัญจิรา ศันสนะวาณี อายุ 20 ปี สองสาวนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เอกโฆษณา จากทีม "ชาเย็น" หยกบอกว่า ที่ชวนเพื่อนมาประกวดเพราะชอบเมนเทอร์อั๋น ติดตามผลงานมานานแล้ว ก่อนจะช่วยกันเล่าถึงผลงานตัวเองว่า "คลิปชื่อ คันเร่งไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ เกิดจากแนวคิดว่าเวลาโมโหชอบไปลงที่คันเร่งซึ่งเมนเทอร์ป๋อมแนะว่า มันเป็นเหตุการณ์เฉพาะเจาะจงเกินไป คนส่วนมากอาจไม่ได้เป็นแบบนี้ คนดูจึงอาจจะไม่อินซึ่งก็จะนำไปปรับปรุง เสนอในแง่มุมที่กว้างขึ้น"
ด้าน นายพีระพัฒน์ เมฆสิงห์วี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการเวิร์คช็อป นักศึกษาทั้ง 17 ทีมได้รับทุนสนับสนุนทีมละ 10,000 บาทเพื่อนำคลิปวิดีโอกลับไปพัฒนาให้สมบูรณ์แบบเพื่อมาชิงชัยในรอบตัดสินวันที่ 31 ม.ค. ซึ่งทุกทีมจะต้องนำเสนอผลงานให้กับคณะกรรมการได้ชม ชิงทุนการศึกษา 100,000 บาท พร้อมรางวัลพิเศษประเภทสร้างสรรค์ โดยจัดส่งคลิปพร้อมเจ้าของผลงานไปประกวดและดูงานเวทีโฆษณาที่เก๋าที่สุดแห่งเอเชีย-แปซิฟิค "ADFEST 2017" มูลค่ารางวัลรวมกว่า 200,000 บาท
"กิจกรรมในโครงการ "Drive DD United Season 2" เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยรณรงค์ให้เยาวชนและทุกคนหันมาใส่ใจสังคม และมีจิตสำนึกที่ดีในการขับขี่รถยนต์ เป็นการร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในสังคมไทยอย่างยั่งยืนตามนโยบายการผลักดันของรัฐบาลที่กำหนดให้"ปีพ.ศ.2554 - 2563 เป็นปีทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน (Decade of Action for Road Safety)" ที่ต้องการลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนต่ำกว่า 10 คนต่อประชากรหนึ่งแสนคนในปีพ.ศ. 2563 ให้ได้" นายพีระพัฒน์กล่าว
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมในโครงการทั้งหมดได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ : Drive DD United