ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวในการประชุมทางไกลผ่าน Web Conference ชี้แจงแนวทางการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และติดตามผลการการดำเนินงานในแต่ละจังหวัด พร้อมกับชี้แจงแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์และการสร้างความปรองดองแห่งชาติ (ป.ย.ป.) พร้อมกล่าวว่า แผนการดำเนินนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขณะนี้ จะเน้นให้ความสำคัญเรื่องการนำเกษตรทฤษฎีใหม่และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาส่งเสริมให้เกษตรกรได้นำไปปรับใช้ในทุกพื้นที่ และต้องร่วมบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน พร้อมทั้งนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และองค์ความรู้ต่างๆ เข้ามาสนับสนุนในการขับเคลื่อนแต่ละนโยบาย เพื่อให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นและหนี้สินลดลง ขณะเดียวกันสินค้าที่เกษตรกรผลิตขึ้นมาจะต้องมีคุณภาพและมีตลาดรองรับ
นโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งสหกรณ์ได้เข้าไปมีส่วนสำคัญในการพัฒนาการบริหารจัดการพื้นที่การเกษตร ผลผลิตและการตลาด ได้แก่ โครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร 882 ศูนย์ ด้วยการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปอบรมให้ความรู้การรวมกลุ่มในรูปแบบสหกรณ์ การสร้างวิทยากรสหกรณ์และสนับสนุน สื่อการเรียนรู้รูปแบบต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีโครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ ปี 2560 ระยะแรกดำเนินการ 600 แปลง ระยะต่อไป 400 แปลงและอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม 512 แปลง เป็นการส่งเสริมการรวมกลุ่มด้วยวิธีการสหกรณ์ ให้มีความเข้มแข็งและมีตลาดรองรับผลผลิตที่เกิดขึ้น โครงการส่งเสริมการปรับเปลี่ยนการเกษตรตามแผนที่Agri-Map ในนิคมสหกรณ์ พื้นที่จำนวน 11,500 ไร่ จาก 46 นิคมสหกรณ์ 27 จังหวัด จัดหาเงินทุนให้สมาชิกกู้ยืม สำหรับปรับเปลี่ยนการผลิตให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ในวงเงิน 100 ล้านบาท,
นอกจากนี้ยังมีโครงการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ในนิคมสหกรณ์ 4,500 ไร่ อบรมให้ความรู้ด้านระบบการสร้างเครือข่ายตลาดธุรกิจเกษตรอินทรีย์, โครงการส่งเสริมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรกรเป้าหมาย จำนวน 5,406 ราย จะได้รับการถ่ายทอดความรู้จากปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่และนำไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการทำเกษตรผสมผสาน รวมถึงได้รับการสนับสนุนเรื่องของปัจจัยการผลิต เช่น ไม้ยืนต้น พันธุ์ผักสวนครัว ต้นหม่อน พันธุ์ปลาและปศุสัตว์ ให้แก่เกษตรกร ส่วนโครงการธนาคารสินค้าเกษตร จะดำเนินการทั้งหมด 40 แห่ง แบ่งเป็นธนาคารโคนมทดแทน 8 แห่งและธนาคารข้าวในสถาบันเกษตรกร 32 แห่ง โครงการพัฒนาเกษตรกรสู่เกษตรกรปราดเปรื่อง Smart Farmer จำนวน 5,320 ราย เพื่อให้ความรู้การสหกรณ์แก่เกษตรกรรุ่นใหม่ 3,800 รายและสร้างผู้นำสหกรณ์ต้นแบบ 1,520 รายและยกระดับชั้นสหกรณ์ เพื่อเป็นกลไกส่งผ่านนโยบายรัฐสู่ความเข้มแข็ง จากสหกรณ์ชั้น 2 สู่ชั้น 1 จำนวน 1,731 แห่ง จากสหกรณ์ชั้น 3 สู่ชั้น 2 จำนวน 291 แห่ง ชำระบัญชีสหกรณ์ชั้น 4 จำนวน 903 แห่ง ซึ่งทุกโครงการเป็นเป้าหมายในการดำเนินงานของกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อมีส่วนร่วมการขับเคลื่อนงานตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ด้วยการพัฒนาเกษตรกรให้เกิดการใช้พื้นที่เกษตรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้บรรลุเป้าหมาย
ในส่วนของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความปรองดองสามัคคี (ป.ย.ป.) มีคณะทำงานร่วมกัน 4 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินเชิงยุทธศาสตร์ คณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง จะร่วมกันเร่งรัด ขับเคลื่อน พร้อมกับติดตามและประเมินผลการทำงานให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับการดำเนินงานตามแผนพัฒนาความเข้มแข็งสหกรณ์นั้น จะมีการติดตามรายงานผลความก้าวหน้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งทุกจังหวัดจะต้องรายงานผลการยกระดับความเข้มแข็งสหกรณ์ ใน 3 ด้าน ได้แก่ 1. ข้อมูลสถานะความเข้มแข็ง โดยประเมินจากการมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจของสมาชิก เสถียรภาพทางการเงิน ชั้นคุณภาพการควบคุมภายใน การแก้ไขข้อบกพร่องและการชำระบัญชี 2.กิจกรรมการแนะนำ ส่งเสริม โดยแต่งตั้งคณะทำงานระดับจังหวัด การประชุมคณะทำงานและกิจกรรมเพื่อยกระดับ และ3.บทบาทของสหกรณ์ในการสนับสนุนนโยบายสำคัญ โดยเข้าไปมีส่วนร่วมในพื้นที่ที่จะดำเนินการ สร้าวเครือข่ายการเรียนรู้ การศึกษาดูงาน การผลิต การเก็บเกี่ยวแปรรูปและหาแหล่งเงินทุน เพื่อให้แผนการยกระดับความเข้มแข็งสหกรณ์มีประสิทธิภาพและสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2560 นี้