นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 12 - 17 เมษายน 2560 มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย รวม 19 จังหวัด 52 อำเภอ 95 ตำบล 316 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 2,211 หลัง แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร เลย หนองคาย อุดรธานี อุบลราชธานี นครพนม ชัยภูมิ และมหาสารคาม ภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ น่าน พะเยา แพร่ ตาก เชียงใหม่ พิจิตร เชียงราย อุตรดิตถ์ และพิษณุโลก ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี และภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ประสานจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค กระเบื้องมุงหลังคา และวัสดุอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านเรือนแก่ผู้ประสบภัยโดยด่วนแล้ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่สำรวจ ประเมินและจัดทำบัญชีข้อมูลความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ทั้งการชดเชยความเสียหายของบ้านเรือนเป็นวัสดุก่อสร้าง หรือจ่ายเงินช่วยเหลือตามความเหมาะสมอีกทั้งจ่ายเงินสงเคราะห์ค่าจัดการศพตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กำหนดแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ จากการติดตาม สภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ด้านตะวันตกของประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยจะมีฝนตกหนักบริเวณด้านตะวันตกของภาคเหนือและภาคกลางในช่วงวันที่ 17 – 18 เมษายน 2560 ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ยังคงมีฝนฟ้าคะนองได้ สำหรับภาคใต้จะมีฝนน้อย ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ และเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง พร้อมจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนฟ้าคะนองอยู่ให้ห่างจากสิ่งปลูกสร้าง ที่ไม่แข็งแรง ป้ายโฆษณา และเสาไฟฟ้าในช่วงที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากฝนตกหนักและฝนฟ้าคะนอง สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th