เชฟมาร์โคเกิดและเติบโตที่ประเทศอิตาลี ได้เริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์โดยเริ่มต้นเส้นทางอาชีพจากตำแหน่งเล็กๆด้วยการเป็นหัวหน้าหน่วยในครัว (Chef de Partie) และค่อยๆไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้ช่วยหัวหน้าพ่อครัว (Executive Sous Chef) ในร้านอาหารระดับเฟิร์สคลาสและโรงแรมห้าดาวจากหลากหลายประเทศทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส จีน ตุรกี และไทย อาทิ โรงแรม Le Meridien Suvarnabhumi, Bangkok Golf Resort & Spa, โรงแรม Ciragan Palace Kempinski Hotel, Istanbul, และโรงแรม Sheraton Grande Sukhumvit, A Luxury Collection Hotel, Bangkok นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสเป็นเชฟรับเชิญให้กับโรงแรมระดับห้าดาว อาทิ โรงแรม Shangri-La Hotel Hangzhou, โรงแรม Westin Miyako Kyoto Japan, โรงแรม Sheraton Incheon Korea, โรงแรม Sheraton Hotel & Towers Saigon Vietnam และอีกมากมายทั่วทุกมุมโลก ด้วยประสบการณ์อันมากมายกว่า 30 ปีนี้เองที่ทำให้เชฟมาร์โคเข้าใจในเรื่องของการให้บริการอันเป็นเลิศ รวมถึงรสชาติและคุณภาพของอาหารที่ได้มาตรฐานอย่างดีเยี่ยม
"สำหรับผมแล้วการทำอาหารไม่ใช่แค่การให้ความสำคัญกับเทคนิค แต่ยังสำคัญเป็นอย่างมากที่จะต้องสามารถดึงเอารสชาติดั้งเดิมของเมนูหรือวัตถุดิบนั้นๆออกมาให้ได้ หากคุณลองค้นหาเมนูอาหารสักเมนูในอินเตอร์เน็ต คุณจะพบกับสูตรอาหารของเมนูชนิดเดียวเป็นพันๆสูตรที่ไม่เหมือนกันเลย และมันจะทำให้คุณสงสัยมากว่า สูตรไหนกันแน่ที่เป็นสูตรแท้ดั้งเดิม ประสบการณ์กว่า 30 ปีของผมนี่เอง ทำให้ผมได้มีโอกาสทำงานกับคนจากหลายยุคสมัย หรือจะกล่าวในอีกแง่ได้ว่า มันทำให้ผมได้มีโอกาสเรียนรู้จากเจ้าของสูตรดั้งเดิมหรือที่เรามักเรียกกันว่า 'สูตรคุณยาย' นั่นเอง"
"ในยุคสมัยก่อน การที่จะไปขอสูตรลับหรือเทคนิคลับในการทำอาหารจากเชฟมืออาชีพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คุณจะต้องค่อยๆสร้างความสัมพันธ์และสร้างความไว้ใจกันระหว่างเชฟ จนกระทั่งเชฟท่านนั้นจะยอมแบ่งปันสูตรหรือเทคนิคลับให้แก่คุณ ซึ่งนับว่าเป็นความโชคดีของผมที่ได้มีโอกาสเรียนรู้สูตรลับเหล่านั้นจากเจ้าของสูตรจริงๆ หลังจากนั้นผมก็นำเอาสูตรดั้งเดิมเหล่านี้มาผสมกับเทคนิคหรือการพรีเซ้นท์ในสไตล์ของยุคสมัยใหม่ เพื่อให้ถูกปากและดูทันสมัยถูกใจคนรุ่นใหม่มากขึ้น ผมว่าสิ่งนี้เองเป็นเสน่ห์ของการทำอาหารและเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสานโลกใหม่และโลกเก่าเข้าด้วยกัน เป็นตัวอย่างของการทำอะไรขึ้นมาใหม่ๆในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษารสชาติที่แท้ดั้งเดิมเอาไว้ด้วย" เชฟมาร์โคกล่าว
นอกจากประสบการณ์มากมายแล้ว เชฟมาร์โคยังเคยชนะรางวัลมากมายการันตีความสามารถของเขา ไม่ว่าจะเป็น "5 Star Diamond Award for Top 100 Best Chef from American Academy of Hospitality and Science, Ciragan Palace", "Best Restaurant by Metro Magazine สำหรับห้องอาหาร Rossini's, โรงแรม Sheraton Grande Sukhumvit, A Luxury Collection Hotel ในปี2002 – 2003". นอกจากนี้ยังเคยได้รับการคัดเลือกให้เป็น "Top Chefs Table in Bangkok by BK Magazine in Bangkok สำหรับร้านอาหาร Belguardo ในปี 2007", และ "Thailand Tatler Best Restaurant Guide สำหรับห้องอาหาร Favola ในปี 2016" นอกเหนือจากรางวัลและเกียรติคุณที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้แล้ว เชฟมาร์โคยังเคยได้มีโอกาสร่วมงานกับเชฟระดับมิชลินและมาสเตอร์เชฟอีกมายมาย การันตีความรู้ความสามารถด้านอาหารได้เป็นอย่างดี
"เมื่อได้มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพแล้ว ผมอยากจะนำความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของผม มาพัฒนาและส่งมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบที่ไม่เหมือนใครให้กับแขกผู้ที่เข้าพักและใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการเน้นการทำอาหารที่เป็นการปรุงสดใหม่ในสไตล์ที่ลูกค้าต้องการ แม้แต่ในการเสิร์ฟบุฟเฟ่ต์ เราก็จะเพิ่มเมนูซิกเนเจอร์และเมนูที่ปรุงสดใหม่ผ่านครัวเปิด (live-cooking station)ให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมกับการรับประทานอาหารมากขึ้น เหมือนกับได้เข้าไปนั่งทานอาหารในร้านอาหารชั้นเยี่ยม สำหรับผมแล้วการรับประทานอาหาร คือประสบกาณ์ คือการได้ค้นพบและลิ้มลองอะไรใหม่ๆ ซึ่งผมอยากจะส่งมอบให้กับทั้งลูกค้าที่มารับประทานอาหาร ลูกค้าที่มาจัดงานแต่งงานหรือแม้แต่อีเว้นท์นอกสถานที่ ผมอยากให้ลูกค้าของผมได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่น่าจดจำไม่มีวันลืม" เชฟมาร์โคกล่าวถึงตำแหน่งใหม่ที่เขาได้รับจากโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพนี้
สำหรับตำแหน่งหัวหน้าเชฟนี้ เชฟมาร์โค คัมมาราตาจะเข้ามาดูแลในด้านอาหารในทุกๆร้านอาหารและบาร์ของโรงแรมฯ ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารเลเทส เรซิพี และแบมบู ชิค บาร์ รวมไปถึงการจัดเลี้ยงประชุม งานแต่งงาน และอีเว้นท์ต่างๆทั้งในและนอกสถานที่ พร้อมกับนำประสบการณ์และรางวัลอันมากมาย อีกทั้งความความสามารถในการทำอาหารสไตล์อิตาเลียนและเมดิเตอร์เรเนียนเข้ามาเติมเต็มประสบการณ์การรับประทานอาหารให้กับแขกผู้ใช้บริการทุกท่าน