สำหรับผลกระทบกับเด็กที่ตกอยู่ในเหตุการณ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า เด็กที่อยู่ในเหตุการณ์รุนแรงทุกชนิด ไม่ว่าจะด้วยการเห็นหรือเป็นผู้ถูกกระทำ ล้วนเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการช่วยเหลือทั้งสิ้น ตั้งแต่การประเมินจิตใจ การประเมินสภาวะครอบครัวเพื่อหาทางดูแลช่วยเหลือที่เหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ เมื่อสภาวะครอบครัวมีความรุนแรงสูง เด็กจะมีปัญหาได้ทั้งทางอารมณ์และพฤติกรรม อารมณ์ส่วนใหญ่จะแสดงออกมาในรูปแบบความวิตกกังวล หรือซึมเศร้า ส่วนพฤติกรรมมักจะเป็นแบบแยกตัว หรือก้าวร้าวรุนแรง ผู้ใกล้ชิด เช่น ญาติ/ครู จึงมีบทบาทสำคัญยิ่งที่จะสังเกตและช่วยเหลือพวกเขา ด้วยหลัก 3 ส
อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้แนะนำว่า ผู้ที่ทำร้ายตนเองมักจะมีสาเหตุที่ซับซ้อน โดยส่วนใหญ่มักจะไม่เกิดจากปัญหาง่ายๆ และมักจะมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า อาจจะมีปัญหาทางอารมณ์ในการควบคุมตัวเอง การดื่มสุรา หรือมีปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว ปัญหาด้านหนี้สิน เป็นต้น ทั้งนี้ หลายเหตุการณ์ของการทำร้ายตนเองที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาสัมพันธภาพในครอบครัว เป็นปัญหาของการสื่อสาร จึงควรหาเวลาสงบๆ พูดกัน อย่าหาทางออกด้วยการทำร้ายตนเอง หรือทำร้ายผู้อื่น เมื่อมีอารมณ์ทางลบ ขุ่นมัวหรือโกรธเคืองใดๆ ขอให้บอกหรือแชร์ความรู้สึกของตนเองต่อความสัมพันธ์นั้นมากกว่าพูดถึงพฤติกรรมอีกฝ่าย ควรใช้ภาษา "ฉัน" แทน ภาษา "แก" เช่น ฉันกังวลที่เงินเราไม่พอใช้ มากกว่าทำไมเธอใช้เงินเปลือง ทั้งนี้ ถ้าพูดคุยกันแล้วยังไม่เข้าใจ ควรให้ญาติที่นับถือ หรือผู้ใหญ่ในชุมชน พระ/ผู้นำศาสนา ช่วยให้ข้อคิด ตลอดจนขอรับบริการด้านสุขภาพจิต ได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 รพ.ชุมชน รพ.จังหวัด และ รพ.จิตเวชทุกแห่งทั่วประเทศ