ผู้สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักเทคโนโลยีความปลอดภัย กรมโรงงานอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2202 4217, 0 2202 4222 หรือสายด่วนกรมโรงงานอุตสาหกรรม 1564 หรือเข้าไปที่เว็บไซต์ www.diw.go.th
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า เดือนเมษายน-พฤษภาคม ในปีนี้ ประเทศไทยจะมีอุณหภูมิกว่า 42-43 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจส่งผลให้อุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องจักรของโรงงานต้องทำงานหนักทำให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ในโรงงาน ดังนั้น กรมโรงงานอุตสาหกรรมจึงมีมาตรการกำกับดูแลและแจ้งเตือนโรงงานให้ระมัดระวังอัคคีภัยและอุบัติเหตุในโรงงานที่อาจเกิดขึ้น กรมโรงงานฯ จึงได้ออกเตือนและกำชับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย หัวหน้างาน และคนงานในโรงงานให้ระมัดระวังในการประกอบกิจการและดำเนินการตามข้อปฏิบัติในการป้องกันอัคคีภัยในโรงงานที่จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเพลิงไหม้ในโรงงานได้ พร้อมทั้งกระตุ้นผู้ปฏิบัติงานในโรงงานให้มีความระมัดระวังมากขึ้น โดยพนักงานเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมจะดำเนินการตรวจติดตามการดำเนินการของผู้ประกอบการโรงงานให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกัน การเกิดอัคคีภัยในโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อลดความสูญเสียและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุเพลิงไหม้ อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการโรงงานควรปฏิบัติตามข้อปฏิบัติในการป้องกันอัคคีภัยในโรงงานและข้อควรระวังในการใช้ระบบทำความเย็นที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น ทั้งนี้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้จัดทำคู่มือป้องกันอัคคีภัยสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม โดยผู้ประกอบการโรงงานสามารถเข้าไปโหลดข้อปฏิบัติดังกล่าวได้ทางเว็บไซต์กรมโรงงานอุตสาหกรรม
นายมงคล กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถิติการเกิดเพลิงไหม้ของโรงงานจำพวกที่ 3 ทั่วประเทศ เมื่อปี 2559 รวมทั้งหมด 117 ครั้ง ซึ่งทั้งหมดมาจากอุตสาหกรรม 8 กลุ่ม หากคิดเป็นอัตราส่วนระหว่างอัคคีภัยกับจำนวนโรงงานแต่ละประเภท พบว่า กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมสารไวไฟ การจัดการกากอุตสาหกรรม รีไซเคิลน้ำมัน เคมีภัณฑ์ ปิโตรเคมี สิ่งทอ และเส้นใย ซึ่งพบว่า สาเหตุของการเกิดไฟไหม้บ่อยที่สุด คือ เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร รองลงมาคือสาเหตุจากการซ่อม การเชื่อม การกรองเชื้อเพลิง
ผู้ประกอบการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักเทคโนโลยีความปลอดภัย กรมโรงงานอุตสาหกรรม โทร. 02 202 4217 02 202 4222 หรือสายด่วนกรมโรงงานอุตสาหกรรม 1564 หรือเข้าไปที่เว็บไซต์www.diw.go.th