ในยุคเสือหมอบเกลื่อนเมือง คนขี่เสือหมอบต่างต้องการอัพเกรดเสือที่ตัวเองมี เพื่อสร้างความได้เปรียบทั้งในด้านน้ำหนักและความเร็วในการปั่นจักรยาน เพื่อกำชัยเหนือเสือตัวอื่น ส่งผลให้ตลาดการอัพเกรดอะไหล่ และอุปกรณ์เสริมของไทยในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาท โดยอะไหล่และอุปกรณ์เสริมอันดับต้นๆ ที่คนขี่เสือในยุคนี้ให้ความสนใจไขว่คว้าหามาไว้ในครอบครอง คงหนีไม่พ้นการเลือกเฟ้นล้อคู่ใจดีๆซักคู่ ไว้เพื่อประดับบารมี และถือเป็นอาวุธคู่ใจในการปั่นเสือออกศึกเข้าแข่งขันในรายการต่างๆ
จากล้อจักรยานในท้องตลาดที่มีมากมายหลายแบบ การเลือกล้อคู่ใจจึงควรคำนึงถึงประเภทของเส้นทางที่เลือกปั่น ชนิดของล้อ รวมถึงงบประมาณที่มี ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ล้อจักรยานมักประกอบไปด้วยส่วนสำคัญต่างๆ ได้แก่ ขอบล้อ แกนดุม ซี่ลวด และยาง โดยประเภทของล้อจักรยานที่นักปั่นทั่วไปให้ความสนใจเลือกไว้ใช้งาน ได้แก่
1. ล้อประเภท Aerodynamic หรือ ล้อที่ใช้หลักการทฤษฎีอากาศพลศาสตร์เข้ามาช่วยในการออกแบบ โดยส่วนใหญ่มักเป็นล้อที่มีขอบสูงกว่าปกติ เปรียบเสมือนใบมีดที่ช่วยตัดลมและแหวกอากาศที่เข้ามาปะทะด้านหน้าของตัวรถ ช่วยเพิ่มแรงหมุนของตัวล้อเมื่อผู้ใช้ทำความเร็วได้ตามอัตราที่กำหนด ทำให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ล้อประเภทนี้จะให้ประสิทธิภาพสูงสุดในสภาพถนนที่เป็นพื้นราบ ระยะทางยาว ไม่มีเนินเขา แต่มักมีข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ในกรณีที่ลมเปลี่ยนทิศทางการปะทะจากด้านหน้าของตัวรถมาเป็นด้านข้าง ความสูงของขอบล้อที่เพิ่มขึ้นจะยิ่งเพิ่มพื้นที่ในการต้านลมปะทะจากด้านข้าง ทำให้รถเกิดอาการส่ายและบังคับรถยากมากยิ่งขึ้น
2. ล้อเอนกประสงค์ หรือ ล้อ All Around โดยล้อประเภทนี้มักออกแบบมาให้มีความสูงของขอบล้ออยู่ในขนาดมาตรฐาน นักปั่นจึงสามารถนำล้อชนิดนี้ไปใช้ได้กับเส้นทางปั่นในทุกรูปแบบ ทั้งทางราบ หรือไต่เนินที่มีความชัน แต่ไม่มีส่วนช่วยในการเพิ่มแรงหมุนและความเร็วในการปั่นให้กับนักปั่นได้เท่าล้อประเภท Aerodynamic
ส่วนวัสดุที่ใช้ในการผลิตล้อและขอบล้อจักรยาน นิยมใช้วัสดุที่ผลิตจาก คาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งมีน้ำหนักเบา ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและขั้นตอนในการผลิตที่ซับซ้อน ทำให้ล้อประเภทนี้มีราคาจำหน่ายสูงกว่า
ล้อประเภทอื่นๆ แต่มักมีข้อจำกัดด้านความแข็งแรงคงทนของตัวล้อ นอกจากนี้ ยังมีล้อที่ผลิตจากวัสดุ อลูมินั่ม ซึ่งจะมีความแข็งแรงมากกว่า มีราคาจำหน่ายที่ต่ำกว่า แต่มีน้ำหนักล้อมากกว่าล้อที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์
ประเภทยางที่ใช้ แบ่งได้เป็น
1. ยางขอบงัด หรือ Clincher ออกแบบให้มียางในเพื่อใช้เติมลม เป็นยางที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน เนื่องจากดูแลรักษาได้ง่าย กรรมวิธีในการเปลี่ยนยางไม่ยุ่งยากซับซ้อน
2. ยางฮาล์ฟ หรือ Tubular จำเป็นต้องใช้กาวเฉพาะเพื่อติดยางเข้ากับขอบล้อ การเปลี่ยนยางจึงมีความยุ่งยากมากกว่ายางขอบงัด แต่มีข้อดี คือ น้ำหนักเบา จึงได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มนักกีฬาจักรยานอาชีพ
สำหรับราคาจำหน่ายล้อจักรยานแต่ละประเภท ปัจจุบันมีราคาเฉลี่ยเริ่มต้นตั้งแต่ 8,000-200,000 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพ และวัสดุที่ใช้ในการผลิต โดยคาดว่าปัจจุบันประเทศไทยมีมูลค่าตลาดสำหรับอะไหล่ และอุปกรณ์เสริมประเภทล้อจักรยานประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาท/ปี
จากมูลค่าตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการนำเข้าอุปกรณ์และอะไหล่จักรยานเริ่มมีการปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการของตลาดภายใต้ภาวะการแข่งขันที่สูงมากขึ้นในปัจจุบัน อาทิเช่นค่ายจักรยาน เอเซีย ไบค์ นำเข้าล้อจักรยานเสือหมอบ แบรนด์ DT SWISS และ CORIMA ทั้งวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และอลูมินั่ม เพื่อเจาะกลุ่มตลาดผู้ใช้ระดับพรีเมี่ยม ค่าย สปอร์ต ไบซิเคิล เพิ่มไลน์สินค้าประเภทล้อจักรยานเสือหมอบในระบบดิสเบรกเข้าสู่ตลาด ค่าย นิช ไซคลิ่ง ผู้ผลิตล้อจักรยานแบรนด์ไทยซึ่งได้รับความนิยมจากนักปั่นชาวไทย เริ่มขยายตลาดการส่งออกไปยังสิงคโปร์ มาเลเซีย และยุโรป โดยปัจจุบันมีตลาดหลักในประเทศแคนาดา และสวีเดน ค่าย แอลเอ ไบซิเคิ้ล ยักษ์ใหญ่วงการธุรกิจจักรยานไทย เตรียมนำล้อรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ VISION, RAYNOLDS, AMERICAN CLASSIC เข้าทำตลาด
สำหรับนักปั่นที่ยังคงสงสัย หรือต้องการหาข้อมูลดีๆ ไว้เลือกซื้อล้อให้กับเสือคู่ใจ... ในระหว่างวันที่ 4-7 พฤษภาคม 2560 นี้ ณ ฮอลล์ 3-4 อิมแพค เมืองทองธานี จะมีการจัดแสดงเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับล้อจักรยาน ภายในงาน "อินเตอร์เนชั่นแนล บางกอกไบค์" ครั้งที่ 9 นักขี่เสือที่สนใจสามารถไปหาความหมายของคำว่า เสือติดปีก ได้ภายในงาน ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.internationalbangkokbike.com