"กระทรวงเกษตรฯ เน้นย้ำและให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบสหกรณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากจะเป็นกลไกสำคัญที่สามารถสร้างความเข็มแข็งให้แก่เกษตรกรทั้งคุณภาพชีวิต การผลิต การจำหน่ายสินค้าเกษตรให้ดีขึ้น โดยเฉพาะสหกรณ์การเกษตรที่ปัจจุบันมีอยู่ 3,585 แห่ง สมาชิก 6.3 ล้านคน ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้มีการจัดแบ่งกลุ่มเพื่อยกระดับชั้นสหกรณ์ตามแผนพัฒนาสหกรณ์ให้เป็นไปตามเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ได้รวมถึงสหกรณ์อื่นๆ ที่อยู่ในและนอกภาคเกษตรรวมกว่า 7,000 แห่ง สมาชิกว่า 11.4 ล้านคน ได้แก่ สหกรณ์นิคม 88 แห่ง สมาชิก 1.8 แสนคน สหกรณ์ประมง 79 แห่ง สมาชิก 1.5 หมื่นคน สหกรณ์บริการ 1,122 แห่ง สมาชิก 4.8 แสนคน สหกรณ์ออมทรัพย์ 1,422 แห่ง สมาชิก2.9 ล้านคน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน 554 แห่ง สมาชิก 7.9 แสนคน และ สหกรณ์ร้านค้า 152 แห่ง สมาชิก 6.4 แสนคนอีกด้วย" พลเอกฉัตรชัย กล่าว
สำหรับสหกรณ์การเกษตรของญี่ปุ่นซึ่งมีมาแล้ว 149 ปี มีจำนวนสหกรณ์ที่เป็นสหกรณ์การเกษตร ประมาณ 690สหกรณ์ 4.6 ล้านคน ซึ่งขบวนการสหกรณ์ในญี่ปุ่นได้รับการสนับสนุนและผลักดันอย่างจริงจังจากรัฐบาล ซึ่งมีผลให้สหกรณ์สามารถปรับตัวกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจสมัยใหม่ได้อย่างดี และกลายเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งสามารถพึ่งพาตนเองได้ จนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางสหกรณ์การเกษตรภายใต้ขอบเขตของตนและสนองตอบนโยบายรัฐบาลด้วย และมีระบบการบริหารจัดการที่เข้มแข็ง อาทิ การแนะนำเทคนิคการผลิตทางด้านการเกษตรและวิธีการเพาะปลูกให้แก่สมาชิก ส่งเสริมและพัฒนาการจัดตั้งกลุ่มของสมาชิกในแต่ละพื้นที่ทำการเพาะปลูก สอนเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพผลิตผล ลดต้นทุนการผลิตโดยใช้เครื่องจักรและปัจจัยอื่นๆ การจัดหาซื้อวัตถุดิบและปัจจัยต่างๆในการผลิต รวมถึงเรื่องการตลาดโดยเกษตรกรสมาชิกจะมอบให้สหกรณ์ทำหน้าที่ขายผลิตผลของตนให้กับสหกรณ์โดยไม่กำหนดราคา เวลา และสถานที่ขาย เพราะการซื้อในปริมาณมากจะสร้างอำนาจต่อรองสูงขึ้น รวมถึงระบบการประกันภัย การใช้อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกร่วมกัน เช่น เครื่องยก โรงคัดคุณภาพ โรงบรรจุผลิตภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายแปลงใหญ่ที่กระทรวงเกษตรฯ กำลังดำเนินการ เป็นต้น