หลังการก่อตั้งบริษัทที่ประเทศสิงคโปร์ในปี พ.ศ. 2538 บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ได้ทำหน้าที่เป็นเป็นเสมือนสื่อกลางในการเชื่อมต่อบริษัทผู้จัดงานแสดงสินค้าระดับโลกกับผู้ซื้อจากทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะเดียวกัน ยังได้ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางทางธุรกิจของภูมิภาค และในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
คุณเกอร์นอท ริงลิ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย จำกัด กล่าวว่า "ศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมของประเทศไทยนั้นถือว่ามีความสำคัญมาก และจะเติบโตขึ้นอีกมากจากความรุ่งเรืองด้านธุรกิจการค้าและการผลิตของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาและขยายการส่งเสริมด้านธุรกิจการค้า และ อุตสาหกรรมไมซ์ ไปพร้อม ๆ กับการเดินหน้าสู่เศรษฐกิจ ไทยแลนด์ 4.0"
ในปี 2559 ประเทศไทยมีสถิตินักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจที่เดินทางมายังประเทศไทยกว่าหนึ่งล้านคน ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ถึง 92,000 ล้านบาท ด้วยการจัดงานในกลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ที่มากกว่า 8,000 งาน ภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา[1] ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของจุดหมายปลายทางของอุตสาหกรรมไมซ์ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยโครงสร้างพื้นฐานทางด้านการคมนาคมที่ยอดเยี่ยม และเป็นศูนย์กลางทางการตลาดของภูมิภาค สิ่งเหล่านี้จึงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแถวหน้าทางด้านการผลิตและการส่งออก
งานแสดงสินค้าของ บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย ได้แก่ งานแพ็ค พริ้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล, งานเมดิคอล แฟร์ ไทยแลนด์, งานไวเออร์ แอนด์ ทูป เซ้าธ์อีสท์เอเชีย และ งาน T-PLAS ที่แสดงให้เห็นถึงความครอบคลุมอุตสาหกรรมสำคัญที่หลากหลาย โดยการนำเอาเทคโนโลยี นวัตกรรม โซลูชั่น และความชำนาญใหม่ๆเข้ามาสู่ประเทศ ในขณะเดียวกัน ยังได้มอบเวทีที่สำคัญในการพัฒนาและสร้างความก้าวหน้าให้กับอุตสาหกรรมของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน งานแสดงสินค้าทั้งหมดนี้ได้รับแรงบันดาลใจและรูปแบบมาจากงานแสดงสินค้าอันดับหนึ่งของโลกที่ได้รับการยอมรับจากภาคส่วนอุตสาหกรรมนั้น ๆ เป็นอย่างดี ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ กรุ๊ป ประเทศเยอรมันนี
ประเทศไทยและอาเซียนถือเป็นตลาดที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับกลุ่มธุรกิจนานาชาติ ซึ่งงานแสดงสินค้าที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในประเทศไทยของเราจะช่วยเปิดประตูแห่งโอกาสให้แก่บริษัทนานาชาติที่มีความต้องการขยายธุรกิจเข้ามาสู่ภูมิภาคนี้ และสำหรับบริษัทท้องถิ่นในประเทศ ยังสามารถใช้เวทีนี้ในเชื่อมต่อกับผู้นำของอุตสาหกรรมเพื่อช่วยขยายและเพิ่มคุณค่าให้กับธุรกิจได้อีกด้วย" คุณเกอร์นอท ริงลิ่ง กล่าวเสริม
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีอัตราการเจริญเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องจากการรวมตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ประกอบกับภูมิประเทศที่อยู่ติดกับประเทศผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง อินเดีย จีน และญี่ปุ่น จึงทำให้ภูมิภาคนี้มีศักยภาพที่จะได้รับประโยชน์จากการไหลเข้ามาของธุรกิจการค้าจากทั่วโลก และยังได้ส่วนแบ่งจากการเพิ่มขึ้นของธุรกิจภาคการผลิตอีกด้วย
ปัจจัยสำคัญของความสำเร็จของบริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ในการจัดงานแสดงสินค้าที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่น่าจับตามมองนี้ มาจากการร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) อย่างงานแสดงสินค้าที่กำลังจะมาถึงนี้ งานเมดิคอล แฟร์ ไทยแลนด์ นอกจากจะได้รับการสนับสนุนอย่าง กระทรวงสาธารณสุขแล้ว ยังมีสมาคมและหน่วยงานทางด้านการแพทย์อีกกว่า 20 หน่วยงานมาให้การสนับสนุนในครั้งนี้อีกด้วย นอกจากนี้ งาน แพ็ค พริ้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล, T-PLAS และ ไวเออร์ แอนด์ ทูป เซ้าธ์อีสท์เอเชีย 2017 ยังได้รับความร่วมมือจาก กระทรวงอุตสาหกรรม รวมไปถึง หน่วยงานทางภาครัฐอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น งาน แพ็ค พริ้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่มีการร่วมมือแบบไตรภาคี ระหว่าง เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย สมาคมการบรรจุภัณฑ์ไทย และ สมาคมการพิมพ์ไทย
"ทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือจากทั้งรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน กับบริษัทต่างๆ จะช่วยปูทางไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงโอกาสในการยังสร้างเครือข่ายทางธุรกิจสำหรับ ซัพพลายเออร์จากทั่วโลก กับ ผู้จัดจำหน่าย ผู้ผลิต และผู้บริโภค ของประเทศไทย ซึ่งเรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือบริษัทท้องถิ่นในการพัฒนาประสิทธภาพและประสิทธิผลขององค์กร ไปพร้อม ๆ กับการเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ ซึ่งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ ไทยแลนด์ 4.0" คุณเกอร์นอท ริงลิ่ง กล่าวปิดท้าย