ด้านนายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานีเรดาห์ฝนหลวงพนม ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นหนึ่งในสถานีเรดาห์ฝนหลวงของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ที่มีภารกิจในการตรวจวัดกลุ่มฝนในเขตพื้นที่ภาคใต้ ในรัศมี 240 กิโลเมตร และมีการตรวจตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะได้ชุดภาพจากเรดาร์ทุกๆ 6 นาที ครอบคลุมพื้นที่รวม 11 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี พังงา ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา และสตูล เพื่อใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนในการวางแผน การปฏิบัติการฝนหลวง การติดตามประเมินผลการปฏิบัติการฝนหลวง และเตือนภัยทางอากาศขณะปฏิบัติการฝนหลวง นอกจากนี้ ยังมีการตรวจอากาศชั้นบนและตรวจอากาศ ด้วยไมโครเวฟ โดยข้อมูลที่ได้ คือ ค่าอุณหภูมิ ความกดอากาศ ความชื้น ปริมาณน้ำฝน ทิศทางลม ความเร็วลม จะเป็นข้อมูลที่สามารถแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเตือนภัยให้ทราบในกรณีที่มีฝนตกหนักต่อเนื่อง ในพื้นที่ภาคใต้ได้อีกด้วย ทั้งนี้ สถานีเรดาห์ฝนหลวงพนม จะเป็นหน่วยงานหลักที่จะสนับสนุนข้อมูล การปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ภาคใต้ เพื่อปฏิบัติภารกิจตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการปฏิบัติการฝนหลวง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังคงติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ สำหรับการปฏิบัติการ ฝนหลวงเติมน้ำในเขื่อนและพื้นที่ที่ปริมาณฝนลดลง โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทางการเกษตรที่ไม่ต้องการน้ำ และพื้นที่น้ำหลาก น้ำท่วมขัง สำหรับประชาชนและผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ได้ที่ เพจFacebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือเว็บไซต์กรมฝนหลวงและการบินเกษตร