นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ส่งผลให้เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ต่างๆ โดยตั้งแต่วันที่ 5 - 17 กรกฎาคม 2560 มีพื้นที่เกิดสถานการณ์อุทกภัยและน้ำไหลหลาก 12 จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์ ลพบุรี ชัยนาท จันทบุรี พิจิตร เพชรบูรณ์ น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พระนครศรีอยุธยา ชุมพร และยโสธร รวม 24 อำเภอ 109 ตำบล 405 หมู่บ้าน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยและน้ำไหลหลากใน 5 จังหวัด 14 อำเภอ 83 ตำบล 332 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่ น่าน เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาน้อย อำเภอปัว อำเภอวังท่าผา อำเภอภูเพียง และอำเภอแม่จริม รวม 5 อำเภอ 7 ตำบล 9 หมู่บ้าน อุตรดิตถ์ น้ำจากลำห้วยน้ำต้ะ ลำห้วยน้ำลี ลำห้วยน้ำหมัน ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในตำบลน้ำหมัน อำเภอท่าปลา รวม 6 หมู่บ้าน ภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบจากเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำ ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอเสนา อำเภอบางปะอิน อำเภอผักไห่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร รวม 68 ตำบล 289 หมู่บ้าน ภาคใต้ 1 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร เกิดน้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอพะโต๊ะ รวม 3 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 845 ครัวเรือน ถนน 10 สาย คอสะพาน 2 แห่ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร เกิดน้ำไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่อำเภอป่าติ้ว รวม 4 ตำบล 18 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 961 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตร 5,500 ไร่ ทั้งนี้ ปภ.ได้บูรณาการทุกภาคส่วนดูแลด้านการดำรงชีพของผู้ประสบภัยครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการจัดการอาหารและน้ำดื่มสะอาดให้เพียงพอ การดูแลสุขภาพอนามัยและรักษาพยาบาล รวมถึงการแจกจ่ายถุงยังชีพให้ครอบคลุมทุกครัวเรือน อีกทั้งจัดรถบริการประชาชน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง การซ่อมแซมถนนและสิ่งสาธารณูปโภคที่ได้รับความเสียหายให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ยังคงปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบนของประเทศไทยและประเทศเมียนมา ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและประเทศไทยมีกำลังแรง ทำให้ทุกภาคของประเทศไทยจะมีฝกตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ปภ.จึงได้ประสานจังหวัด ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและเฝ้าระวังสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด อีกทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และชุดเคลื่อนที่เร็วให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
- ๒๔ เม.ย. จับตาเทรนด์ที่อยู่อาศัยวัยเก๋า บ้านแบบไหนตอบโจทย์ชาว Silver Gen
- ๒๔ เม.ย. กรมโยธาฯ Kick Off โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแบบอารยเกษตร ตามแนวพระราชดำริ บริเวณตำบลหัวดอน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
- ๒๔ เม.ย. อนุทิน ชาญวีรกุล มอบโล่ประกาศเกียรติคุณและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ อปพร ดีเด่น ณ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการฯ