"เงินกองทุนพัฒนายางพารา เป็นเงินที่ต้องช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุนผู้มีส่วนได้เสียยางพาราทั้งระบบ ไม่ใช่เพียงเกษตรกรชาวสวนยางเท่านั้น เพราะการพัฒนาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับยางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ สร้างความมั่นคงได้อย่างยั่งยืน จะต้องพัฒนาทั้งระบบ ตั้งแต่การผลิต การแปรรูปอุตสาหกรรม จนถึงการตลาด"
ดร.ธีธัช กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาราคายาง กยท. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐบาล ไม่มีแนวคิดที่จะนำเงินไปสนับสนุน เพื่อแทรกแซงราคายาง ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ทำงานแบบบูรณาการ โดยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันเกษตรกร ที่จะนำยางพาราไปแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่า ซึ่งนำร่องด้วยการส่งเสริมใช้ยางในประเทศ โดยทุกๆ ฝ่ายควรร่วมมือกันตามหน้าที่ความรับผิดชอบ เดินหน้าผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม ไม่ควรกล่าวโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ควรหันหน้าสร้างวิธีการ การปฏิบัติจริง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ยางในประเทศเพิ่มมากขึ้น
"สำหรับที่ผ่านมา กยท. ได้รวบรวมผลผลิตยางจากเกษตรกร เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการซื้อขาย และที่สำคัญ กยท.ยังมีการรับซื้อผลผลิตจากสถาบันเกษตรกรเพื่อนำไปแปรรูปเป็นยางแท่ง ยางเครฟ น้ำยางข้น เป็นต้น ทั้งในพื้นที่ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมประมาณ 82,000 ตันต่อปี ในขณะที่หน่วยธุรกิจของ กยท. ยังเดินหน้าหาตลาดทั้งในและต่างประเทศ และรับซื้อผลผลิตยางจากสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางต่างๆ เพื่อกระตุ้นราคายางในตลาดด้วยเช่นกัน" ดร.ธีธัช กล่าวย้ำ