รถชนท้ายหรือเฉี่ยวชน
วิธีป้องกัน
- ไม่ขับรถเร็ว เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ให้สัญญาณไฟล่วงหน้าก่อนเลี้ยวหรือเปลี่ยนช่องทางในระยะไม่ต่ำกว่า 60 เมตร หากต้องหยุดรถ ควรแตะเบรกเบาๆ เพื่อชะลอความเร็ว จะช่วยให้ผู้ที่ขับรถตามหลังมาหยุดรถได้ทัน
รถพลิกคว่ำ
วิธีป้องกัน
- ตรวจสอบยางรถยนต์ให้มีดอกยางละเอียด ร่องยางลึก และเติมลมยางให้มากกว่าปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ ยึดเกาะถนน
วิธีแก้ไข
- ไม่ขับรถเร็ว ไม่หยุดรถกะทันหัน เพราะจะทำให้ล้อล็อก ส่งผลให้รถเสียการทรงตัว และพลิกคว่ำได้ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินให้แตะเบรกเบาๆ เพื่อชะลอความเร็ว
รถติดหล่ม
วิธีป้องกัน
- ขับรถไปตามแนวเส้นทางที่มีรอยล้อรถวิ่ง หากรถมีอาการหนืดให้หมุนพวงมาลัยไปมาอย่างช้าๆ เพื่อให้ล้อเกาะพื้นดินใหม่ จะช่วยให้รถเคลื่อนที่ได้ ห้ามหมุนพวงมาลัยเร็วเกินไป เพราะจะทำให้ล้อจมโคลนลึกขึ้น
วิธีแก้ไข
- ห้ามเร่งเครื่องยนต์หรือหักพวงมาลัยอย่างแรง เพราะจะทำให้ล้อจมโคลนลึกกว่าเดิม ให้ใช้ก้อนอิฐหรือท่อนไม้ วางด้านหน้าของล้อหลัง แล้วค่อยๆ เร่งเครื่อง หรือใช้รถที่มีกำลังแรงกว่าพ่วงสายลากจูงยึดติดกับรถ เพื่อลากรถให้เคลื่อนตัวออกจากหล่ม
รถหลุดโค้ง
วิธีป้องกัน
- ใช้ความเร็วในระดับที่สามารถควบคุมรถได้ ไม่เหยียบเบรกขณะเข้าโค้ง เพราะจะเกิดแรงเหวี่ยง ทำให้รถหลุดโค้ง
วิธีแก้ไข
- ยึดจับพวงมาลัยให้มั่น พร้อมแตะเบรกเบาๆ เพื่อชะลอความเร็วรถ และประคองรถกลับเข้าช่องทาง
รถเหินน้ำ
วิธีป้องกัน
- ตรวจสอบยางรถยนต์ให้มีดอกยางละเอียดและร่องยางลึก พร้อมเติมลมยางให้มากกว่าปกติ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำและยึดเกาะถนน รวมถึงป้องกันล้อฟรีเมื่อขับรถผ่านเส้นทางที่มีแอ่งน้ำ
วิธีแก้ไข
- ลดความเร็วเมื่อขับผ่านเส้นทางที่มีแอ่งน้ำ ไม่หักพวงมาลัยกะทันหันและไม่เหยียบเบรกให้ล้อหยุดหมุนในทันที เพราะจะทำให้ล้อล็อกจนรถเสียการทรงตัว ให้ค่อยๆ ถอนคันเร่งและใช้เกียร์ต่ำ เพื่อชะลอความเร็ว พร้อมยึดจับพวงมาลัยให้มั่นจนรถทรงตัวได้ดี จึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ
ทั้งนี้ การเรียนรู้วิธีป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินจากการขับรถในช่วงฝนตก จะช่วยลดความเสี่ยง ต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางช่วงฤดูฝน