ปภ.รายงานสถานการณ์อุทกภัยใน 10 จังหวัด พร้อมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง

พุธ ๐๒ สิงหาคม ๒๐๑๗ ๑๒:๐๔
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2560 มีพื้นที่

เกิดสถานการณ์อุทกภัยและน้ำไหลหลาก รวม 44 จังหวัด ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 34 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 10 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร ร้อยเอ็ด นครพนม นครราชสีมา กาฬสินธุ์ ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ปภ.ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พร้อมกำชับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ส่วนจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย ให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2560 ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยและน้ำไหลหลากใน 44 จังหวัด รวม 254 อำเภอ 1,133 ตำบล 7,713 หมู่บ้าน43 ชุมชน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 34 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ 10 จังหวัด รวม 103 อำเภอ 593 ตำบล 4,609 หมู่บ้าน 43 ชุมชน แยกเป็น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 18 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสกลนคร อำเภอพรรณานิคม อำเภออากาศอำนวย อำเภอโคกศรีสุพรรณ อำเภอนิคมน้ำอูน อำเภอเจริญศิลป์ อำเภอภูพาน อำเภอวาริชภูมิ อำเภอคำตากล้าอำเภอสว่างแดนดิน อำเภอกุสุมาลย์ อำเภอกุดบาก อำเภอส่องดาว อำเภอบ้านม่วง อำเภอพังโคน อำเภอวานรนิวาส อำเภอเต่างอย และอำเภอโพนนาแก้ว รวม 115 ตำบล 1,267 หมู่บ้าน 43 ชุมขน ประชาชนได้รับผลกระทบ 135,044 ครัวเรือน 426,037 คน ผู้เสียชีวิต 9 ราย ร้อยเอ็ด น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 20 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสลภูมิ อำเภอจังหาร อำเภอโพธิ์ชัย อำเภอโพนทราย อำเภอสุวรรณภูมิ อำเภอทุ่งเขาหลวง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด อำเภอเกษตรวิสัย อำเภอเชียงขวัญ อำเภอศรีสมเด็จ อำเภอธวัชบุรี อำเภอจตุรพักตรพิมาน อำเภออาจสามารถ อำเภอพนมไพร อำเภอหนองพอก อำเภอเมืองสรวง อำเภอเมยวดี อำเภอหนองฮี อำเภอปทุมรัตน์ และอำเภอโพนทอง รวม 116 ตำบล 847 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,515 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 3 ราย นครพนม ฝนที่ตกหนักและมวลน้ำจากหนองหาน จังหวัดสกลนคร ไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนาแก อำเภอนาหว้า อำเภอวังยาง อำเภอเรณูนคร อำเภอ ศรีสงคราม และอำเภอโพนสวรรค์ รวม 21 ตำบล 61 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 360 ครัวเรือน นครราชสีมา ยังคงมีน้ำท่วมขังใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองยาง อำเภอโนนแดง และอำเภอประทาย รวม 21 ตำบล 242 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,532 ครัวเรือน กาฬสินธุ์ น้ำไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ 15 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนามน อำเภอท่าคันโท อำเภอนาคู อำเภอสมเด็จ อำเภอเขาวง อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอห้วยผึ้ง อำเภอดอนจาน อำเภอยางตลาด อำเภอกมลาไสย อำเภอกุฉินารายณ์ อำเภอคำม่วง อำเภอร่องคำ อำเภอห้วยเม็ก และอำเภอฆ้องชัย รวม 84 ตำบล 747 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,870 ครัวเรือน อพยพประชาชน 70 ครัวเรือน ยโสธร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอป่าติ้ว อำเภอคำเขื่อนแก้ว อำเภอกุดชุม อำเภอไทยเจริญ อำเภอทรายมูล อำเภอค้อวัง อำเภอเลิงนกทา และอำเภอเมืองยโสธร รวม 42 ตำบล 281 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 15,051 ครัวเรือน มุกดาหาร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองมุกดาหาร อำเภอดงหลวง อำเภอนิคมคำสร้อย อำเภอหว้านใหญ่ อำเภอหนองสูง อำเภอดอนตาล และอำเภอคำชะอี รวม 45 ตำบล 403 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,633 ครัวเรือน 97,700 คน ผู้เสียชีวิต 2 ราย อำนาจเจริญ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอำนาจเจริญ อำเภอหัวตะพาน อำเภอลืออำนาจ อำเภอพนา อำเภอปทุมราชวงศา อำเภอชานุมาน และอำเภอเสนางคนิคม รวม 52 ตำบล 344 หมู่บ้าน 11,137 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 52,359 ไร่ อุบลราชธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 13 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโขงเจียม อำเภอศรีเมืองใหม่ อำเภอน้ำยืน อำเภอบุณฑริก อำเภอน้ำขุ่น อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอม่วงสามสิบ อำเภอนาจะหลวย อำเภอเดชอุดม อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอกุดข้าวปุ้น อำเภอดอนมดแดง และอำเภอตระการพืชผล รวม 28 ตำบล 99 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,712 ครัวเรือนภาคกลาง 1 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ผลกระทบจาก เขื่อนเจ้าพระยา ทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางบาล อำเภอเสนา อำเภอบางปะอิน อำเภอผักไห่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา และอำเภอบางไทร รวม 68 ตำบล 297 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,019 ครัวเรือน ทั้งนี้ปภ.ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พร้อมกำชับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุม ทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ส่วนจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย ให้ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัย ควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ นอกจากนี้ ให้เชื่อมโยงการระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดอย่างใกล้ชิด เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ท้ายนี้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๒:๓๖ โรงพยาบาลพระรามเก้า คว้ารางวัล Digital Transformation Initiative of the Year 2024 จากเวที Healthcare Asia Awards
๑๒:๐๐ กลับมาอีกครั้งกับงานช้อปอย่างมีสไตล์ รายได้เพื่อชุมชน ครั้งที่ 14 เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ ชวนมาช้อป ชม ของดี ของเด็ดประจำจังหวัดปทุมธานี ระหว่าง 4 - 10
๑๒:๓๙ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ สนับสนุนพื้นที่ กรมพลศึกษา จัดแข่งขันกีฬากระบี่กระบองระหว่างโรงเรียน กิจกรรมสร้างสรรค์เสริมทักษะเยาวชน ส่งเสริม SOFT POWER
๑๑:๑๕ TOA ย้ำแชมป์สีเบอร์หนึ่ง คว้า 2 รางวัลใหญ่ 'สุดยอดองค์กร และแบรนด์สีที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นมากที่สุด' 13 ปีซ้อน Thailand's Most Admired Company Brand ปี
๑๑:๔๒ ไทยพีบีเอสยกระดับรู้เท่าทันภัยออนไลน์ ผนึกกำลัง 8 หน่วยงาน ป้องกัน-กวาดล้างอาชญากรรมไซเบอร์
๑๑:๕๘ ศิษย์เก่าวิศวฯ SPU กว่า 5 ทศวรรษ ร่วมย้อนวันวานในงาน วิศวฯ คืนถิ่น SEAN HOMECOMING 2024
๑๑:๑๓ เฮงลิสซิ่ง ร่วมสืบสานประเพณีท้องถิ่น ฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 2567
๑๑:๔๕ YouTrip สาดความคุ้มต้อนรับสงกรานต์กับ 2 โปรพิเศษ 4.4 Travel Sale และ Japan Mega Cashback รับส่วนลดสุดคุ้มจากแบรนด์ท่องเที่ยวดัง และเงินคืนสูงสุด 2,000
๑๑:๕๒ คณะเศรษฐศาสตร์ ม.รามคำแหง เชิญเข้าร่วมงานสัมมนาวิชา อนาคตเศรษฐกิจไทย: ยืดหยุ่นและยั่งยืน
๑๑:๑๐ เจแอลแอล ประเทศไทย เผยเทรนด์ ESG ของปี 2567 และเป้าหมายสู่อุตสาหกรรมสีเขียวของวงการอสังหาฯ