นายวีระ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันที่ประชุมได้กำชับให้แต่ละกรมปฏิบัติงานโดยยึดตามกรอบรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศ พ.ร.บ.จัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1.ความมั่นคง 2.การสร้างความสามารถในการแข่งขัน 3.การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน 4.การสร้างโอกาส ความเสมอภาค และเท่าเทียมกันทางสังคม 5.การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 6.การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ อีกทั้งจะต้องสอดคล้องและเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาล การขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมสู่ประเทศไทย 4.0 และงานวัฒนธรรมตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 รวมทั้งนโยบายและยุทธศาสตร์ 20 ปีของวธ. โดยจะต้องประสานงานและบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติโดยภาพรวมและการปฏิรูปประเทศมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายวีระ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมอบหมายให้แต่ละกรมไปวิเคราะห์และทบทวนแผนงานและโครงการตามยุทธศาสตร์ด้านวัฒนธรรมระยะ 20 ปีของแต่ละหน่วยงาน โดยยึดตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้การปฏิบัติงานมีความชัดเจนและเป็นไปตามที่พ.ร.บ.การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และพ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการปฏิรูปประเทศกำหนด เพื่อให้สอดรับกับการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ อีกทั้งที่ประชุมให้แต่ละกรมเร่งศึกษาวิเคราะห์และสรุปผลการศึกษาในการปรับโครงสร้างหน่วยงานสังกัดวธ. เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายประเทศไทย4.0 และนโยบายอื่นๆ ของรัฐบาลได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นรายงานสรุปผลมายัง วธ. เพื่อเสนอรัฐบาลต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้กรมต่างๆเร่งส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากตามบทบาทของ วธ. เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของรัฐบาล โดยการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 5F ได้แก่ อาหาร ภาพยนตร์ มวยไทย แฟชั่น และเทศกาลประเพณี รวมถึงการสนับสนุนพื้นที่ทางวัฒนธรรมเพื่อเศรษฐกิจชุมชน และการส่งเสริมการต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมต่างๆ อาทิ การส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์และวีดิทัศน์ การพัฒนาสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม และการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เป็นต้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สร้างอาชีพและรายได้สู่ชุมชนและประเทศ