นายสุวัฒน์ เจียระคงมั่น รองอธิบดีกรมการข้าว กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้าวพันธุ์ กข43 มีลักษณะเด่นที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้น 95 วันปลูก โดยวิธีหว่านน้ำตม คุณภาพของเมล็ดทางการหุงต้มรับประทานดี ข้าวสุกนุ่ม เหนียว มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ต้านทานปานกลางต่อโรคใบไหม้และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล พื้นที่แนะนำปลูกควรเป็นพื้นที่นาชลประทาน พื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน และเกษตรกรมีช่วงเวลาในการทำนาน้อยกว่าพื้นที่ปลูกข้าวอื่น ๆ และ/หรือพื้นที่ที่มีปัญหาข้าววัชพืชระบาด
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เมล็ดพันธุ์ข้าว กข43 ยังมีปริมาณน้อย กรมการข้าวจึงได้กำหนดแผนการผลิตและการตลาดข้าวพันธุ์ กข43 (ปี 2560 - 2561) เพื่อให้การผลิตที่ออกสู่ตลาดเป็นข้าวพันธุ์ กข43 อย่างแท้จริงตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ดังนี้ ฤดูนาปี 2560 (พ.ค. - พ.ย.60) ผลิตพันธุ์คัด 4 ตัน พันธุ์หลัก 25 ตัน พันธุ์ขยาย 100 ตัน ฤดูนาปรัง ปี 2561 (ธ.ค. 60 - เม.ย. 61) ผลิตพันธุ์คัด 4 ตัน พันธุ์หลัก 25 ตัน พันธุ์ขยาย 100 ตัน และพันธุ์จำหน่าย 3,500 ตัน ผลผลิตข้าวสาร ฤดูนาปี 20 ตัน และฤดูนาปรัง 700 ตัน มีระบบ QR trace เพื่อให้การตรวจสอบย้อนกลับ ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตจนถึงผลิตภัณฑ์ มี 2 ส่วน คือ ใช้รหัส QR ในการรับรอง GAP (ระดับแปลง) เริ่มตั้งแต่เมล็ดพันธุ์คัด/หลัก เมล็ดพันธุ์ขยาย และแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์/แปลงผลิตข้าว และใช้รหัส QR ในการรับรอง GMP (ระดับผู้ประกอบการโรงสี ผลิตภัณฑ์) เริ่มตั้งแต่สถานที่เก็บรักษาข้าว โรงสีข้าว และผลิตภัณฑ์