เพิ่มการเคลื่อนไหวระหว่างเรียน เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ถึง 2 เท่า

พฤหัส ๐๕ ตุลาคม ๒๐๑๗ ๑๑:๓๔
เพราะนอกจากเนื้อหาการเรียนเชิงวิชาการในห้องเรียนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันต่อการเรียนรู้ของนักเรียน หรือเด็ก ๆ นั่นคือการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เคลื่อนไหว ซึ่งบุคคลสำคัญที่มีบทบาทนั่นคือ "คุณครู" ที่สามารถนำแนวคิดเรื่องการออกกำลังไปประยุกต์ใช้กับการสอนได้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาในเรื่องของสมอง และเข้ากับวุฒิภาวะของเด็กที่ไม่อยู่นิ่ง พร้อมเสริมสร้างการเติบโต ซึ่งมาจาก 4 ปัจจัยที่สำคัญที่ควรเสริมสร้างการเรียนให้ควบคู่กับการเคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม

"หนึ่งเลยก็คือ เรื่องของอารมณ์ดี หรือ อารมณ์สุข เพราะเด็ก เมื่อไหร่ก็ตามที่เราฝึกให้เขารู้สึกมีความสุขต่อการที่เขาได้ทำอะไรแล้วประสบความสำเร็จ หรือได้ทำในสิ่งที่เขาชอบ ก็จะทำให้เด็กมีอารมณ์ดี หรืออารมณ์สุข และมีพื้นฐานในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ได้ดี เพราะเขามีอารมณ์ทางด้านบวก" รศ.สมควร โพธิ์ทอง กล่าวในกิจกรรมโรดโชว์ "โครงการกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะทางกายในสถานศึกษา" จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจัดขึ้นโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. เพื่อเป็นการส่งเสริมความรู้และแนวคิดให้กับครูทั่วประเทศในการนำเอาความรู้ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในการเรียนการสอน

รศ.สมควร โพธิ์ทอง กล่าวเพิ่มเติมถึงเหตุผลสำคัญในการเสริมสร้างการเรียนที่นำเอาการออกกำลังและการเคลื่อนไหวเข้าไปผนวกเพิ่มเติมว่า เหตุผลข้อที่ 2 จะเกี่ยวกับเรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะเด็ก ๆ ไม่ว่าจะเติบโต เขาต้องมีพัฒนาในเรื่องของร่างกาย และการเคลื่อนไหว เพราะฉะนั้นกิจกรรมในเรื่องของการเคลื่อนไหว จะช่วยในเรื่องของการทำให้เขาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี

"ข้อที่สาม คือ เรื่องมิตรภาพ กิจกรรมต่าง ๆ เมื่อเขาเล่น เขาจะมีเพื่อน เมื่อการที่เขามีเพื่อนเขาจะร่วมกันแก้ไขปัญหา เช่น ถ้าเขาชนะ เขาจะทำให้เพื่อนมีความสุข หรือถ้าเขาแพ้ เขาจะทำให้เพื่อนมีความทุกข์ ทะเลาะกับเพื่อนคือการพัฒนาในเรื่องของสุขภาพกาย ใจ ไปด้วยกันตลอดเวลา การเล่นเกมทำให้ได้ทั้งกาย เวลาเล่น จิตวิทยาจะบอกให้รู้ว่า เราจะควบคุมอารมณ์อย่างไร มีความปรารถนาอย่างไร ส่วนข้อที่สี่ คือ การพัฒนาไปในเรื่องของทีมงาน เพราะเด็กนักเรียนจะได้ฝึกการเล่น ฝึกการเป็นหัวหน้า ฝึกการเป็นผู้ตาม สิ่งเหล่านี้จะเป็นระบบของการพัฒนา ที่เด็กเรียนรู้ได้โดยที่ไม่ต้องยัดเยียดอะไร ซึ่งถ้าครูให้เด็กได้มีโอกาสเคลื่อนไหว มีกิจกรรม มีเกมให้เด็กเล่น ในช่วงระหว่างการเรียนการสอน จะทำให้เขาพัฒนาได้ถึง 2 เท่า เพิ่มขึ้นกว่าการนั่งเรียนนิ่ง ๆ เพียงอย่างเดียว"

ด้าน ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า กิจกรรมโรดโชว์ โครงการกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะทางกายในสถานศึกษา จะเน้นส่งเสริมกิจกรรมทางกายอย่างเพียงพอ ซึ่งตามข้อเสนอระดับสากลที่แนะนำ เด็กควรมีกิจกรรมทางกายในระดับปานกลางถึงหนักประมาณ 60 นาทีต่อวัน โดยใช้สูตรแบ่งเวลาเล่น แบ่งออกเป็น 10-20-30 คือ 10 นาที ก่อนเข้าเรียน ต่อด้วย 20 นาทีระหว่างวัน และ 30 นาทีสุดท้าย หลังเลิกเรียน โดยอาจจะร่วมกับผู้ปกครอง ครู และสถานศึกษา ซึ่งเป็นปัจจัยแวดล้อมสำคัญของเด็กที่จะร่วมสร้างความรู้ความเข้าใจ และการดำเนินการที่สอดคล้องกัน

"ในกิจกรรมโรดโชว์ "โครงการกิจกรรมสร้างเสริมสุขภาวะทางกายในสถานศึกษา" แบ่งกิจกรรมสำหรับเด็กใน 2 ช่วงวัยสำคัญ ทั้งเด็กเล็ก หรือ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 และกิจกรรมสำหรับเด็กโต หรือนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 3 เช่น ฐานวิ่งลอดเชือก (Jump Loop) ที่บูรณาการความรู้มาจากวิชาคณิตศาสตร์และนันทนาการเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มพัฒนาการทางด้านสมอง การประมาณการ และเพิ่มทักษะการเคลื่อนไหวของเด็ก ๆ หรือจะเป็น ฐานบอลหรรษา (The Lucky Ball) ที่จะช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารการเคลื่อนไหวและทรงตัว การเชื่อมโยงประสาทสัมผัส และสอนให้รู้จักความสามัคคี เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการออกกำลังกาย หรือเพิ่มกิจกรรมทางกาย ได้ในชีวิตประจำวัน หรือการ "ออกมาเล่น แอคทีฟ 60 นาทีทุกวัน" ดร.นพ.ไพโรจน์ กล่าว

ด้าน ด.ญ.ฐิตาภา เพ็งอิ่ม หรือน้องตาหวาน นักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5 โรงเรียนมูลนิธิวัดศรีอุบลรัตนาราม ที่มาร่วมกิจกรรม กล่าวว่า นอกจากการเรียนหนังสือในห้องเรียนแล้ว เวลาอยู่ที่บ้าน ก็จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงานบ้านเป็นประจำ ซึ่งถือเป็นการได้ออกกำลังกายไปในตัว ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง

"สำหรับการได้มาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ทำให้หนูได้รับประโยชน์มาก หนูชอบฐานกิจกรรม โดยเฉพาะฐานบอลหรรษา ที่ทำให้ได้ฝึกทักษะภาษาไทย พร้อมกับการได้เคลื่อนไหวร่างกาย ได้เรียนรู้เกี่ยวกับความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจกันภายในกลุ่ม ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่จากต่างโรงเรียน และจะนำความรู้ที่ได้รับกลับไปแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ ในโรงเรียนและที่บ้านซึ่งไม่ได้มีโอกาสมาเข้าร่วมกิจกรรมอีกด้วย" น้องตาหวาน กล่าว

ปิดท้ายที่ น้องออโต้ หรือ ด.ช.วชิระวิชญ์ สมภูมิ นักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 โรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี กล่าวว่า ว่าปกติชอบออกกำลังกายกับเพื่อนๆ เป็นประจำวันในเวลาพักหรือหลังเลิกเรียน การมาร่วมกิจกรรรมวันนี้ นอกจากจะได้รับความรู้เรื่องของการออกกำลังกายแล้ว ยังได้ประโยชน์ที่คาดไม่ถึงอีกด้วย

"ผมชอบฐานวิ่งลอดเชือก ทำให้ได้ฝึกทักษะเกี่ยวกับวิชาคณิตศาสตร์ ไปพร้อมๆ กับการออกกำลังกาย รู้สึกสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ ช่วยเสริมสร้างการคิดวิเคราะห์ และยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำงานร่วมกันเป็นทีม" น้องออโต้ กล่าว

การจัดกิจกรรมโรดโชว์ "โครงการกิจกรรมสร้างเสริมสุขถาวะทางกายในสถานศึกษา" ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการกระจายข้อมูลความรู้สู่สถานศึกษาตามภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดหรือความคืบหน้าของกิจกรรมในโครงการฯ ได้ทางเฟสบุ๊คแฟนเพจ www.facebook.com/ActivePlayActiveSchool

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4