นิทรรศการ “ความท๙งจำ” ร่วมรำลึก “พระมหากรุณาธิคุณ” ผ่านหนังสือใน 7 ทศวรรษ

อังคาร ๒๔ ตุลาคม ๒๐๑๗ ๑๕:๑๓
"ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นที่รักของคนไทย และจะอยู่ในความทรงจำของคนไทยตลอดไป นิทรรศการทำให้เรารู้ว่าพระองค์ทรงทำงานหนักขนาดไหน และเราซึ่งเป็นคนที่เกิดในรัชสมัยของพระองค์ก็น่าจะทำอะไรเพื่อประเทศชาติได้มากกว่านี้ เพราะตลอดเวลา 70 ปีที่ทรงครองราชย์ ทรงทำเพื่อคนไทยมามากมาย เนื้อหาในนิทรรศการนี้ทำให้เราทราบถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์มากขึ้น ผ่านหนังสือและสิ่งพิมพ์ต่างๆที่ตีพิมพ์ในช่วงที่ทรงครองราชย์ บางอย่างไม่เคยรู้ก่อนเลยว่าเป็นโครงการในพระราชดำริของพระองค์" "อารีรัตน์ ลิ้นจี่" ให้สัมภาษณ์ระหว่างการชม "นิทรรศการความท๙งจำ" ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่22 ซึ่งกำลังจัดอยู่จนถึงวันที่ 29 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ไม่ใช่เพียงอารีรัตน์เท่านั้น ที่รู้สึกเช่นนี้ เพราะหลังจากที่ "กรพัฒ รุดดิษฐ์" ซึ่งตั้งใจว่าการมางานมหกรรมหนังสือครั้งนี้ นอกจากจะเพื่อซื้อหนังสือเล่มโปรดกลับไปอ่านแล้ว นิทรรศการหลักของงานอย่าง "ความท๙งจำ" ก็คือสิ่งที่พลาดไม่ได้"หลังจากได้ดูนิทรรศการก็ได้เห็นว่าที่ผ่านมาพระองค์ท่านทำอะไรเพื่อประชาชน เพื่อประเทศชาติมากขนาดไหน ได้ข้อคิดหลายๆ อย่างจากการอ่านข้อมูลที่จัดแสดง คำหรือประโยคที่คัดเลือกมาก็เป็นแรงบันดาลใจในการทำความดีต่อไป และยังได้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ ที่นำเสนอเป็นไทม์ไลน์ ทำให้รู้ว่าแต่ละช่วงเวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก" กรพัฒกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"นิทรรศการความท๙งจำ" ซึ่งมีผู้ชมอย่างอุ่นหนาฝาคั่งในทุกวันนั้น นำเสนอพระราชกรณียกิจของ "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร" ผ่านหนังสือที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์กว่า 7 ทศวรรษ โดยนิทรรศการความท๙งจำ เกิดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ด้วยความตระหนักว่า หนังสือเป็น "สิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้" สมดังพระบรมราชวาทที่ได้พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ว่า

"...หนังสือเป็นการสะสมความรู้ และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมา คิดมา แต่โบราณกาลจนทุกวันนี้ หนังสือจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นคล้าย ๆธนาคารความรู้และเป็นออมสิน เป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้..."

ตลอด 7 ทศวรรษที่ทรงครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงให้ความสำคัญกับหนังสือในฐานะเครื่องมือในการส่งต่อและสร้างสรรค์ความรู้แก่มวลมนุษยชาติ ดังที่ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ได้ผูกพันกับหนังสือเป็นอย่างมาก มีข้อเขียนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งหนังสือ บทความ แต่งเพลงพระราชนิพนธ์ การแปล และการสร้างสรรค์อื่น เช่น ภาพถ่าย จิตรกรรม การประดิษฐ์ตัวพิมพ์ ตลอดจนการสนับสนุนให้มีการการทำหนังสือการสร้างสรรค์ความรู้ในรูปแบบต่างๆ เช่น การจัดทำสารานุกรมสำหรับเยาวชน การแปลคัมภีร์ทางศาสนา เช่น พระไตรปิฎก มหาคัมภีร์อัลกุรอาน การสนับสนุนการศึกษาทางไกลผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ

สุชาดา สหัสกุล นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ เล่าว่าในนิทรรศการดังกล่าวได้มีการนำพระราชนิพนธ์เรื่อง "เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิทเซอร์แลนด์" ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์เรื่องแรกเมื่อทรงขึ้นครองราชย์ โดยตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร วงวรรณคดี ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ.2490 เป็นตอนแรก โดยพระบรมราชานุญาตพิเศษเฉพาะหนังสือเล่มนี้มาจัดแสดง ซึ่งได้รับความอนุเคราะห์จากไพศาลย์ เปี่ยมเมตตาวัฒน์ นักสะสมหนังสือและภาพโบราณ เจ้าของนิตยสาร "วงวรรณคดี" ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2490 โดยแสดงร่วมกับหนังสือพระราชนิพนธ์เล่มอื่นๆ หนังสือที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอด 7ทศวรรษในรัชสมัยของพระองค์ นอกจากนี้ยังมีสิ่งพิมพ์และของที่ระลึกต่างๆที่จัดทำขึ้นหลังวันสวรรคต 13ตุลาคม พ.ศ.2559 จึงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนิทรรศการที่รวบรวมหนังสือและสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาแสดงให้ชมมากที่สุด

ในเนื้อหาของนิทรรศการแต่ละทศวรรษ จะแสดงได้ถึงประวัติศาสตร์โดยรวมของสังคมไทย ผ่านความทรงจำของเรื่องเล่าในตัวอักษร ทั้งจากผลงานพระราชนิพนธ์ และหนังสืออื่นๆ อาทิ ทศวรรษที่ 1 คือพ.ศ. 2489- พ.ศ.2498 ซึ่งรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เริ่มวันที่ 9มิถุนายน 2489 พระชนมายุเพียง 19 พรรษา หลังจากขึ้นครองราชย์ไม่นานพระองค์จึงต้อง "จากสยามสู่สวิทเซอร์แลนด์" เพื่อศึกษาต่อ, ทศวรรษที่ 3 คือ พ.ศ. 2509- พ.ศ.2518 เป็นช่วงที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจใกล้ชิดประชาชนมากที่สุดช่วงหนึ่ง และหนังสือที่สำคัญคือการเริ่มสารานุกรมสำหรับเยาวชน และคัมภีรอัลกุรอานที่มีพระราชดำริให้แปลจากภาษาอาหรับก็ออกมาในทศวรรษนี้ด้วยเช่นกัน โดยทรงมีพระบรมราโชวาทความว่า

"สารานุกรมนี้จุดประสงค์อันแรกอันสำคัญที่สุดก็คือ ให้ผู้ที่ใช้สารานุกรมนี้ให้เกิดความรู้สึกว่า โลกนี้มันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โลกหมายถึงโลกความรู้ โลกกลมโลกของวิทยาศาสตร์ และโลกของวิชาต่าง ๆ อันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน…แล้วก็ในเวลาเดียวกันก็ทำให้เห็นว่าในชาติบ้านเมืองหรือในเมืองอื่น ๆ ก็ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน"

(พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะกรรมการสโมสรไลออนส์สากล ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2512)

ในทศวรรษที่ 5 คือพ.ศ. 2529 –พ.ศ. 2538 สงครามเย็นที่เริ่มต้นมาในทศวรรษแรก มาสิ้นสุดในทศวรรษที่ 5 ของการครองราชย์ แต่ก็ใช่ว่าภารกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะสิ้นสุดลง เพราะสิ่งที่พระองค์ต่อสู้คือความยากจนของคนไทย พระองค์ มีพระราชดำริให้จัดตั้ง "มูลนิธิชัยพัฒนา" เพื่องานพัฒนาต่างๆ และในทศวรรษนี้เองที่ พระราชนิพนธ์ของพระองค์ได้ออกมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากงานแปล นายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ (พ.ศ.2536) ติโต (พ.ศ.2537) และท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจในทศวรรษที่ 6 คือ พ.ศ.2539 - พ.ศ. 2548 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงในฐานะหนึ่งในทางออกจากวิกฤต ขณะที่สถานะนักเขียนของพระองค์เด่นชัดขึ้นเมื่อมีการตีพิมพ์หนังสือ พระมหาชนก (พ.ศ.2539) เรื่องทองแดง (พ.ศ. 2545)

นอกจากนี้ในนิทรรศการยังได้หนังสือที่พระองค์ท่านทรงพระราชนิพนธ์ไว้มาให้พสกนิกรได้ชมครบทุกเล่ม พร้อมกับนำนิตยสารหลายฉบับที่จัดพิมพ์บันทึกประวัติศาสตร์วันเสด็จสวรรคตของพระองค์ท่านมาให้ชมเช่นกัน

เป็นความทรงจำอันงดงาม ที่จะสถิตในใจตราบนิรันดร์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๙ เม.ย. บิทูเมน มารีน บริษัทลูก TASCO ลงนามสัญญาต่อเรือขนส่งยางมะตอย เสริมศักยภาพกองเรือ
๑๙ เม.ย. รมว.เกษตรฯ ลุยร้อยเอ็ด ผลักดันโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 3 แห่ง
๑๙ เม.ย. กูรูหุ้นเชียร์ซื้อ PSP เคาะเป้าราคาสูงสุด 8 บ./หุ้น ยอดขายพุ่ง-หนี้ลด ดันกำไรปี 67 ออลไทม์ไฮ ดีล MA สร้าง New S-Curve
๑๙ เม.ย. ข้าวกล้อง-จักรีภัทร พร้อมเต็มร้อย! ประเดิม จูเนียร์จีพี สนามแรก ประเทศอิตาลี
๑๙ เม.ย. กรมประมงขอเชิญร่วมแข่งขันตกปลาชะโด
๑๙ เม.ย. เชลล์ดอน การ์ตูนดังร่วมสาดความสนุกในเทศกาลสงกรานต์
๑๙ เม.ย. สปสช. ติดปีกเทคโนโลยีไอทีด้วยคลาวด์กลางภาครัฐ GDCC ยกระดับบริการบัตรทองรวดเร็วทันสมัย ดูแลสุขภาพคนไทยยุคดิจิทัล
๑๙ เม.ย. GSK ร่วมงาน Re-imagining UK Aging Care Event ของสถานทูตอังกฤษ มุ่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันผู้สูงอายุ
๑๙ เม.ย. เอส เอฟ จับมือ กปน. มอบสิทธิ์ดูฟรีรวม 1,000 ที่นั่ง เพียงใช้ MWA Point ที่ เอส เอฟ!!
๑๙ เม.ย. เตรียมพร้อมนับถอยหลัง 12 ชั่วโมงสุดท้าย! ก่อนเริ่มประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ Bitcoin Halving ครั้งที่ 4