หน้าหนาว..เตือนการระบาดโรคราน้ำค้างในพืชตระกูลกะหล่ำและตระกูลแตง

พุธ ๐๘ พฤศจิกายน ๒๐๑๗ ๑๘:๐๑
กรมส่งเสริมการเกษตร เตือนเกษตรกรผู้ปลูกพืชตระกูลกะหล่ำและตระกูลแตง ระวังโรคราน้ำค้างระบาดในช่วงหน้าหนาว เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลง หากพบอาการกลุ่มผงสีขาวหรือสีเทาของสปอร์เชื้อราบริเวณใต้ใบ ให้เตรียมการป้องกันและขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรอำเภอ สำนักงานเกษตรจังหวัด เพื่อดำเนินการควบคุมและป้องกันกำจัดก่อนที่จะเกิดการระบาดอย่างรุนแรง

นายประสงค์ ประไพตระกูล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ในช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ช่วง ฤดูหนาวสภาพอากาศมีความชื้นสูงและมีหมอกในตอนเช้า ซึ่งเป็นสภาพที่เหมาะต่อการระบาดของโรคราน้ำค้าง จึงขอเตือนเกษตรกรผู้ปลูกพืชตระกูลกะหล่ำ และพืชตระกูลแตง ควรหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งโรคราน้ำค้างเป็นโรคที่เกิดกับพืชตระกูลกะหล่ำและพืชตระกูลแตง สามารถเกิดได้ทุกระยะการเจริญเติบโต ตั้งแต่เริ่มงอกจากเมล็ดจนกระทั่งต้นแก่ อาการเริ่มแรกจะเกิดขึ้นที่บริเวณใต้ใบ โดยจะสังเกตเห็นกลุ่มผงสีขาวหรือเทาของสปอร์ โดยเส้นใยของเชื้อราจะเกิดขึ้นเป็นกลุ่ม ๆ ต่อมาเชื้อราจะลามไปด้านหลังใบตรงบริเวณเดียวกัน ใบเกิดแผลสีเหลืองเนื่องมาจากเซลล์ตายและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เนื้อใบบริเวณที่เกิดแผลจะมีลักษณะบางและมีขอบเขตไม่แน่นอนค่อนข้างจะเป็นรูปเหลี่ยม ในกรณีที่แสดงอาการรุนแรงจะเกิดแผลทั้งใบ ทำให้ใบเหลืองและแห้งตาย ถ้าเกิดในระยะกล้าจะทำให้ต้นกล้าโทรมอ่อนแอและตายในที่สุด

กรมส่งเสริมการเกษตร จึงขอแนะนำวิธีการป้องกันกำจัดโรคราน้ำค้าง ดังนี้ 1) เลือกใช้เมล็ดพันธุ์ที่สะอาดปราศจากเชื้อปะปนอยู่ หากไม่แน่ใจให้ทำลายเชื้อดังกล่าวโดยนำไปแช่ในน้ำอุ่น 45 – 50 องศาเซลเซียส นาน 25 นาที 2) เกษตรกรไม่ควรปลูกผักชนิดเดียวกันซ้ำในแปลงที่เคยเกิดโรค ควรปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน เพื่อตัดวงจรการระบาดของโรค 3) ควรปลูกพืชผักให้มีระยะระหว่างต้นห่างกันพอสมควร ไม่ควรปลูกชิดกันจนเกินไป 4) ในกรณีที่เกิดโรคขณะปลูก หลังเก็บเกี่ยวแล้วขอให้เกษตรกรเก็บเศษซากพืชผักที่ตกหลงเหลืออยู่ หรือถอนต้นพืชที่งอกขึ้นอยู่ในบริเวณแปลงใกล้เคียงนำไปเผาทำลาย 5) กรณีที่เกิดโรคกับผักในแปลงปลูก อาจป้องกันและลดความเสียหายได้โดยใช้สารเคมีอย่างใดอย่างหนึ่งฉีดพ่นแปลงผักทุก 3 – 5 วันได้แก่ มาเน็บ ,ฟอสฟอรัสแอซิด โปรไธโอคาร์บ อัตราตามคำแนะนำในฉลาก และเพื่อให้ได้ผลในการป้องกันกำจัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกษตรกรควรใช้เครื่องมือพ่นสารเคมีที่มีกำลังอัดหรือความดันสูง เพื่อให้ละอองสารเคมีที่พ่นออกมาละเอียด จะทำให้สารเคมีที่ใช้ครอบคลุมจับทั่วทุกส่วนของต้นพืช และควรผสมสารเคลือบใบลงไปด้วยจะทำให้ประสิทธิภาพของสารเคมีดียิ่งขึ้น 6) เกษตรกรควรเลือกปลูกผักชนิดที่มีความต้านทานต่อโรคราน้ำค้าง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๘ มี.ค. องค์การบรรจุภัณฑ์โลก จับมือ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ร่วมจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์
๒๘ มี.ค. การแข่งขันกีฬาขี่ม้าโปโลรายการ King Power International Ladies' Polo Tournament 2024
๒๘ มี.ค. DEXON ปักธงรายได้ปี 67 ทะลุ 700 ลบ. โชว์ Backlog เฉียด 280 ลบ. ล็อคมาร์จิ้น 35-40%
๒๘ มี.ค. JPARK ร่วมงาน Dinner Talk ผู้บริหารจดทะเบียนพบนักลงทุน จ.ราชบุรี
๒๘ มี.ค. นีเวีย ซัน และ วัตสัน จับมือต่อปีที่สองชวนดูแลท้องทะเล กับโครงการ เพราะแคร์ จึงชวนแชร์ ร่วมพิทักษ์รักษ์ทะเลไทย
๒๘ มี.ค. Cloud เทคโนโลยีที่อยู่ใกล้ตัว เพียงแค่คุณไม่รู้เท่านั้นเอง
๒๘ มี.ค. โรยัล คานิน ร่วมกับ เพ็ทแอนด์มี จัดงาน Royal Canin Expo 2024: PAWRENTS' DAY เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับน้องแมวและน้องหมา
๒๘ มี.ค. STEAM Creative Math Competition
๒๘ มี.ค. A-HOST ร่วมวาน MFEC Inspire ขึ้นบรรยายพร้อมจัดบูธ Cost Optimization Pavilion
๒๘ มี.ค. ฟินเวอร์! ส่องความคิ้วท์ 'ฟอส-บุ๊ค' ควงคู่ร่วมงาน Discover Thailand เสิร์ฟโมเมนต์ฉ่ำให้แฟนๆ ได้ดับร้อนกันยกด้อมรับซัมเมอร์ และร่วมส่งต่อความสุขในกิจกรรม 'Exclusive Unseen Food Trip กับ คู่ซี้